เป็นอีกครั้งที่รัฐบาลอัลบานีซีได้ออกมาป้องแผนเพิ่มที่อยู่อาศัย รวมถึงความสามารถในการเร่งการก่อสร้างเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น
โดยในสัปดาห์นี้ มิเชล บุลล็อก ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลีย ได้เลี่ยงคำถามเกี่ยวกับการชดเชยราคาบ้านที่สูงขึ้นด้วยการลดอัตราดอกเบี้ย โดยระบุว่าเธอกำลังดำเนินการเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ขณะที่ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้
บุลล็อกยอมรับว่า แม้รัฐบาลจะพยายามแก้ไขปัญหาการขาดดุลงบประมาณ แต่เธอก็มองไม่เห็นหนทางที่จะแก้ไขปัญหานี้ในอีกสองปีข้างหน้า
"คุณเห็นการดำเนินการบางอย่างในเรื่องนี้ แต่มันจะค่อนข้างช้ากว่าจะผ่านไปได้" เธอกล่าวกับผู้สื่อข่าว
"ฉันไม่มั่นใจว่ามันจะส่งผลกระทบใดๆ ในอีกสองปีข้างหน้า"
ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พรรคแรงงานได้หาเสียงในประเด็นการพัฒนาที่อยู่อาศัยมูลค่า 4.3 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงการสร้างบ้าน 1.2 ล้านหลังภายในปี 2029 เพื่อบรรลุเป้าหมายข้อตกลงแห่งชาติ โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรส่วนใหญ่ต่างยกย่องอย่างภาคภูมิใจว่าเป็นแผนที่สุด "ทะเยอทะยาน"

โฆษกของแคลร์ โอนีล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเคหะ กล่าวเมื่อวันอังคารว่า "บ้านไม่ได้สร้างเสร็จภายในชั่วข้ามคืน แต่เรากำลังเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริงในการสร้างบ้านทั่วประเทศ"
จะสร้างบ้านได้ 1.2 ล้านหลังตามแผนหรือไม่? อาจจะยังน่ะ
ออสเตรเลียจำเป็นต้องเร่งสร้างบ้านให้ถึงระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนเพื่อให้ทันเป้าหมาย 1.2 ล้านหลัง ซึ่งสูงกว่าจำนวนบ้านที่สร้างเสร็จสูงสุดในปี 2018 ที่ 219,285 หลัง
ตามข้อมูลของสำนักงานสถิติออสเตรเลีย (ABS) ระบุว่า การที่ออสเตรเลียจะสามารถบรรลุเป้าหมายนี้ได้นั้น จำเป็นต้องมีการสร้างบ้าน 60,000 หลังทุกๆ ไตรมาส ทว่าในปี 2024 มีการสร้างบ้านและยูนิตประมาณ 45,000 หลังต่อไตรมาส หรือรวมเป็น 181,789 ยูนิต เท่านั้น
ในเดือนพฤษภาคม รายงานของสภาการจัดหาที่อยู่อาศัยและความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยแห่งชาติ (National Housing Supply and Affordability Council) ระบุว่าด้วยอัตราก่อสร้างปัจจุบัน รัฐบาลจะยังขาดบ้านอยู่ 262,000 หลัง

Source: SBS
เมื่อเทียบกับห้าปีก่อนหน้า ในปี 2023-2024 จำนวนบ้านที่สร้างเสร็จลดลง 17.8% โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาคารขนาดใหญ่เพื่อที่อยู่อาศัย เช่น อพาร์ตเมนต์ ที่ยังคงขาดแคลน
การอนุมัติการก่อสร้างก็ลดลงเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ข้อมูลล่าสุดของสำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย (ABS) ที่เผยแพร่เมื่อปลายเดือนกันยายน แสดงให้เห็นว่าในช่วง 12 เดือน จำนวนยูนิตที่ได้รับอนุมัติให้ก่อสร้างเพิ่มขึ้น 3% แม้ว่าในเดือนสิงหาคมจะลดลง 6% ก็ตาม

“เรายังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้” เธอกล่าวกับ SBS News
“สาเหตุที่แท้จริงคือปัญหาการขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะในการทำงาน ที่ดินที่พร้อมสำหรับการก่อสร้างมีจำนวนไม่เพียงพอ และความล่าช้า ซึ่งหมายความว่าต้นทุนการก่อสร้างจะสูงขึ้น”

รัฐบาลจะทำอย่างไรเพื่อสร้างให้ทัน?
วอว์นยอมรับว่า "ในทุกๆ ปีที่เราประสบปัญหาขาดแคลน จำนวนบ้านที่ขาดในแต่ละปีจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มากกว่า 240,000 หลัง" ซึ่งจำเป็นต่อการบรรลุเป้าหมายในแต่ละปี
อย่างไรก็ตาม เธอเชื่อว่ารัฐบาลสามารถเร่งการก่อสร้างได้ด้วยการเร่งวางแผน มุ่งเน้นไปที่การย้ายถิ่นฐานของแรงงานที่มีทักษะเพื่อดึงดูดแรงงานเสริมที่จำเป็นประมาณ 100,000 คน และเร่งฝึกอบรมผู้ที่ไม่ได้ผ่านเกณฑ์
เรื่องที่เกี่ยวข้อง

รัฐบาลออสฯ ขยายเกณฑ์โครงการประกันบ้านหลังแรก 1 ก.ค.นี้
ซอล เอสเลค นักเศรษฐศาสตร์ บอกกับ SBS News ว่ารัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นจำเป็นต้องแก้ไขกฎระเบียบด้านการแบ่งเขตและการวางผังเมือง โดยผู้ซื้อที่มีศักยภาพต้องเผชิญค่าธรรมเนียมสูงจากผู้พัฒนาโครงการ แต่ยอมรับว่า "ไม่มีทางแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง"
"การเข้าถึงพื้นที่สีเขียว [ที่ดินที่ยังไม่ได้รับการพัฒนา] เนื่องจากการวางผังเมืองที่ไม่ดีหรือระบบขนส่งสาธารณะ... ทำให้ต้นทุนและเวลาในการสร้างที่อยู่อาศัยใหม่เพิ่มขึ้น" เขากล่าว

เขายังเสนอว่าการลดลงของผลผลิตในช่วง 25 ปีอาจเกิดจากนวัตกรรม โดยมองไปที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งบ้านสำเร็จรูปหรือบ้านโมดูลาร์กำลังช่วยสร้างบ้านราคาถูกได้
ไมค์ ซอร์บาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Property Council กล่าวว่า แม้ว่าจะไม่ได้สร้างบ้านถึง 1.2 ล้านหลัง แต่เป้าหมายของรัฐบาล "ยังคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการสร้างแรงจูงใจและความรับผิดชอบให้กับรัฐบาลของรัฐ"
"ต้นทุนการก่อสร้างที่สูงขึ้น การขาดแคลนแรงงาน และผลผลิตในพื้นที่ก่อสร้างที่ย่ำแย่ กำลังสร้างแรงกดดันต่อความสามารถของอุตสาหกรรมในการส่งมอบที่อยู่อาศัยใหม่" เขากล่าว
"ขณะนี้เรายังตามหลังเป้าหมายอยู่ แต่สิ่งนี้ไม่ควรทำให้เราท้อแท้และยอมแพ้ แทนที่จะยอมแพ้ เราควรเพิ่มความพยายามและมุ่งเน้นที่การบรรลุเป้าหมายด้านที่อยู่อาศัยของเรา"