The Big Brief: ออสเตรเลียเผชิญ ‘วิกฤตเงียบ’ ที่อาจทำให้เด็กออสเตรเลียจำนวนมากไม่ได้เรียนต่อ

gfx-201125-school-kids-meals-header.jfif

OzHarvest จัดส่งวัตถุดิบอาหารสดและของว่างเพื่อสุขภาพให้กับโรงเรียนสำหรับมื้อเช้าและมื้อกลางวัน รวมถึงจัดส่งของใช้ในครัวเรือนให้กับครอบครัวของนักเรียนด้วย (Source: SBS, Getty) Credit: SBS/Getty

องค์กรช่วยเหลือด้านอาหารระบุว่าความต้องการความช่วยเหลือด้านอาหารสูงจนองค์กรต้องปฏิเสธโรงเรียนที่ขอความช่วยเหลือ


ประเด็นสำคัญ
  • รายงานระบุว่ามีจำนวนชาวออสเตรเลียที่ต้องพึ่งพาองค์กรการกุศลด้านอาหารมากเป็นประวัติการณ์
  • ภาคการกุศลกำลังเผชิญความยากลำบากในการตอบสนองต่อความต้องการความช่วยเหลือจากโรงเรียนในการขอรับการสนับสนุนด้านอาหารและสิ่งจำเป็น
  • ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็กเตือนว่า การขาดแคลนอาหารหรือของใช้จำเป็นอาจส่งผลต่อเด็กไปตลอดชีวิต
องค์กรการกุศลที่กำลังรับภาระหนักเตือนว่า เด็กออสเตรเลียจำนวนมากขึ้นอาจหลุดจากระบบการศึกษาโรงเรียน เนื่องจากหลายครอบครัวต้องเผชิญความยากจนจนถึงขั้น “งดอาหาร”

OzHarvest องค์กรช่วยเหลือด้านอาหารที่ดำเนินงานมา 21 ปี ระบุว่า ปี 2025 เป็นปีที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีมาในแง่ของภาวะขาดแคลนอาหาร

ริชาร์ด วัตสัน ผู้จัดการรัฐนิวเซาท์เวลส์ บอกกับเอสบีเอส นิวส์ ว่าความต้องการด้านอาหารที่เพิ่มสูงขึ้นเป็น “ความท้าทายรายวัน” สำหรับองค์กรในขณะนี้

 เขากล่าวว่า “ภาวะขาดแคลนอาหารในออสเตรเลียมักถูกมองข้าม ซึ่งเราเรียกมันว่า ‘วิกฤตเงียบ’ ที่กำลังส่งผลกระทบต่อครอบครัวจำนวนมากในขณะนี้”

“เด็ก ๆ มาถึงโรงเรียนด้วยอาการเหนื่อยล้าและไม่มีสมาธิ ครอบครัวต้องเผชิญความเครียดจากการพยายามจัดสรรงบประมาณให้พอใช้ และบางครอบครัวต้องงดอาหารเพราะต้องให้ความสำคัญกับการจ่ายบิลอื่น ๆ ก่อน”

วัตสันระบุว่า OzHarvest ส่งมอบอาหารมากกว่า 700,000 มื้อทั่วออสเตรเลียให้กับองค์กรการกุศล 1,550 แห่ง ซึ่งหลายแห่งเกือบ “ถึงขีดจำกัด” ที่จะช่วยเหลือได

“ผลสำรวจความต้องการของชุมชนล่าสุดของเราเผยให้เห็นว่า มีจำนวนผู้ที่ถูกปฏิเสธความช่วยเหลือเพิ่มขึ้น 54 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากองค์กรด่านหน้าไม่สามารถรองรับความต้องการที่ยังคงสูงอย่างต่อเนื่องได้”

‘ความต้องการความช่วยเหลือสูงมาก’ จนหลายโรงเรียนถูกปฏิเสธ

หนึ่งในภาคส่วนสำคัญที่ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือด้านอาหารคือสถาบันการศึกษา โดย OzHarvest ทำงานร่วมกับโรงเรียน, TAFE และวิทยาลัยทั่วประเทศรวม 245 แห่ง

หนึ่งในโปรแกรมที่ให้ความช่วยเหลือด้านอาหารแก่นักเรียนคือโครงการ Nourishing Schools ซึ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการแยกต่างหากโดย OzHarvest Western Australia

ทิม เจมส์ ผู้ประสานงานโครงการกล่าวว่า เขาทำงานร่วมกับอาสาสมัครเพื่อจัดทำกล่องอาหาร 280 ชุดต่อสัปดาห์ ขณะที่ความต้องการในนครเพิร์ทและภูมิภาคต่าง ๆ ของรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

“เริ่มแรกเราช่วยเหลือประมาณ 24 โรงเรียน แต่ปัจจุบันมีความต้องการความช่วยเหลือสูงขึ้นมาก และมีหลายโรงเรียนที่ต้องการเข้าร่วมโครงการ” เขากล่าวกับ ABC Radio Perth
ภายใต้โครงการ Nourishing Schools องค์กร OzHarvest จะจัดส่งวัตถุดิบอาหารสดและของว่างเพื่อสุขภาพให้กับโรงเรียนสำหรับมื้อเช้าและมื้อกลางวัน รวมถึงจัดส่งของใช้ในครัวเรือนให้กับครอบครัวของนักเรียนด้วย

โครงการนี้สนับสนุนโรงเรียนมากกว่า 140 แห่ง และยังมีโรงเรียนอีกจำนวนมากที่ยังอยู่ในรายชื่อรอความช่วยเหลือ

เจมส์กล่าวว่า “เราพยายามไม่ปฏิเสธโรงเรียนใด แต่ก็มีบางแห่งที่เพิ่งยื่นสมัครเข้ามาไม่นาน เราต้องบอกว่า ‘ขอโทษจริง ๆ ตอนนี้เรายังไม่มีศักยภาพ หากมีโอกาสเราจะติดต่อกลับไป’”

“เรามีรายชื่อผู้รอความช่วยเหลือเพิ่มขึ้น และดูเหมือนว่าเร็วๆ นี้ เรายังไม่สามารถให้ความช่วยเหลือเพิ่มได้”

แม้ว่าความมั่นคงทางอาหารจะเป็นความท้าทายในระดับประเทศ แต่ วัตสัน ระบุว่า ปัญหานี้รุนแรงที่สุดในพื้นที่ที่คนมีรายได้น้อยและพื้นที่ส่วนภูมิภาค

เขากล่าวว่า “โรงเรียนเหล่านี้มักต้องพึ่งพาความช่วยเหลือด้านอาหารเพื่อให้นักเรียนสามารถเข้าถึงมื้ออาหารที่สม่ำเสมอและมีคุณค่าทางโภชนาการ ทั้งในโรงเรียนและในรูปแบบกล่องยังชีพที่ช่วยเติมเต็มความต้องการของครอบครัว”

เด็กกำลังขาดมากกว่าแค่อาหาร

ดั๊ก เทย์เลอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Smith Family Foundation ระบุว่า โรงเรียนจำนวนมากขึ้นกำลังพยายามจัดการช่วยเหลือพื้นฐานให้กับนักเรียน ทั้งการจัดหาอาหารและสิ่งจำเป็นต่าง ๆ

มูลนิธิดังกล่าวให้การสนับสนุนนักเรียนที่ขาดแคลนจำนวน 73,000 คนในโรงเรียน 800 แห่งทั่วออสเตรเลีย

ผลสำรวจล่าสุดของมูลนิธิซึ่งสอบถามครอบครัวของเด็กกลุ่มนี้พบว่า ร้อยละ 60 ของผู้ปกครองระบุว่า ปีนี้พวกเขาประสบความยากลำบากในการจัดหาของใช้จำเป็นสำหรับโรงเรียน

เขากล่าวว่า “ค่าใช้จ่ายสำหรับอุปกรณ์การเรียน ทัศนศึกษา หนังสือ และเครื่องแบบนักเรียนเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งทุกอย่างล้วนมีความสำคัญ”
“เรามักมองข้ามความสำคัญของการมีเครื่องแบบนักเรียนเหมือนเพื่อน ๆ ในการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนโรงเรียน”

เทย์เลอร์ยังกล่าวด้วยว่า “ความยากจนรูปแบบใหม่” กำลังก่อให้เกิดความเสียเปรียบในห้องเรียน เนื่องจากนักเรียนประมาณ 44 เปอร์เซ็นต์ไม่มีแล็ปท็อปใช้ที่บ้าน

“ทุกวันนี้โรงเรียนจำนวนมากมีนโยบายให้นักเรียนนำอุปกรณ์ของตัวเองมาใช้ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดีต่อการเรียนรู้ของเด็ก แต่เป็นความท้าทายอย่างมากสำหรับครอบครัวที่ไม่มีอุปกรณ์ให้ลูกใช้”

เทย์เลอร์อธิบายเพิ่มเติมว่า ความยากจนและความเสียเปรียบยังส่งผลให้การขาดเรียนเพิ่มขึ้น และเป็นปัจจัยที่ทำให้เด็กบางคนหลุดออกจากระบบการศึกษา
เขากล่าวว่า “อัตราการเรียนจบของเราต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์”

“แม้ว่าบางส่วนจะเกี่ยวข้องกับโควิด-19 แต่ยังมีปัจจัยอื่น เช่น สุขภาวะทางจิตใจและความเสียเปรียบทางเศรษฐกิจที่มีส่วนทำให้อัตรานี้ลดลงด้วย”

เขาเสริมว่า ข้อมูลจากผลสอบ NAPLAN แสดงให้เห็นว่า เยาวชนที่ประสบภาวะเสียเปรียบ “ไม่มีสิ่งจำเป็นพื้นฐานสำหรับการเรียน” และอาจทำให้มีพัฒนาการด้านการอ่านออกเขียนได้และคณิตศาสตร์ล่าช้าเพื่อนถึง 4-5 ปี

ความสำคัญของโภชนาการและอุปกรณ์การเรียน

ดร.ฮันนาห์ เคิร์ก นักจิตวิทยาด้านพัฒนาการและอาจารย์อาวุโสจากมหาวิทยาลัยโมนาชกล่าวว่า เด็กจำเป็นต้องได้รับ “โภชนาการที่เพียงพอ” เพื่อสมองได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

เธอบอกกับเอสบีเอส นิวส์ ว่า “สมองเป็นอวัยวะของร่างกายที่ใช้พลังงานจำนวนมากและจำเป็นต้องได้รับพลังงานอย่างเหมาะสม”

“การงดมื้ออาหารทำให้ระดับกลูโคสลดลง และสามารถส่งผลกระทบต่อระบบประสาทที่สนับสนุนกระบวนการทางสมองที่สำคัญ เช่น ความใส่ใจและความจำขณะใช้งาน (working memory)”

“หากขาดทักษะพื้นฐานเหล่านี้ซึ่งช่วยให้เรามีสมาธิและจดจำข้อมูลได้ การเรียนรู้ทักษะและความรู้ใหม่ ๆ จะเป็นเรื่องยากมาก”

เคิร์กอธิบายว่า ความหิวในระหว่างอยู่โรงเรียนอาจทำให้เด็กหงุดหงิด อารมณ์แปรปรวน และส่งผลต่อการมีส่วนร่วมในห้องเรียน
“ภาวะโภชนาการที่ไม่เพียงพอมีความเชื่อมโยงกับการเจ็บป่วยที่เพิ่มขึ้น การนอนหลับที่แย่ลง และการออกกำลังกายที่ลดลง ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อพัฒนาการที่ถดถอยและการขาดเรียนที่เพิ่มขึ้น”

การขาดแคลนอุปกรณ์การเรียนยังอาจนำไปสู่การถูกกีดกันทางสังคมและความภาคภูมิใจในตัวเองที่ลดลง เนื่องจากเด็กอาจรู้สึกอับอายหรือรู้สึกแตกต่างจากเพื่อน

ซึ่งทำให้เกิดการแยกตัวทางสังคมและ “พัฒนาการทางอารมณ์และสังคม” ที่ลดลงได้

เคิร์กกล่าวว่า การมีส่วนร่วมทางการศึกษามี “บทบาทสำคัญอย่างยิ่ง” ต่อพัฒนาการของเด็ก

“การหลุดออกจากระบบการศึกษาเร็ว อาจทำให้การทักษะพัฒนาไม่เพียงพอ และจำกัดโอกาสการจ้างงานในอนาคต รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเข้าไปเกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม”

“ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่ต้องให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของเด็กในการศึกษา”

ติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่ เว็บไซต์ หรือ เฟซบุ๊ก และ Instagram

Share
Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand