ประเด็นสำคัญ
- คลื่นความร้อนส่งผลให้อุณหภูมิสูงต่อเนื่องทั้งกลางวันและกลางคืน เป็นเวลา 3 วันขึ้นไป
- รายงานประเมินความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศฯ ระบุว่า สภาวะโลกร้อนส่งผลให้เกิดคลื่นความร้อนบ่อยขึ้นและรุนแรงขึ้น
- ในออสเตรเลีย คลื่นความร้อนคร่าชีวิตมากกว่าภัยธรรมชาติอื่น และเป็นอันตรายต่อผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เด็กเล็ก และหญิงมีครรภ์
เหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว เช่น คลื่นความร้อน จะเกิดขึ้นบ่อยและรุนแรงมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบทางสังคม สุขภาพ เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม
เมื่อไม่นานมานี้ หน่วยงานบริการสภาพภูมิอากาศออสเตรเลีย (Australian Climate Service) ได้เผยแพร่รายงานการประเมินความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศระดับชาติฉบับแรกของออสเตรเลีย ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ในโลกที่อุณหภูมิสูงขึ้น ภัยธรรมชาติของเรากำลังเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเห็นได้ชัดใน 20 ปีที่ผ่านมา
คลื่นความร้อนนั้นเป็นอันตราย เนื่องจากปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมที่รวมกันก่อให้เกิดความเครียดจากความร้อน และสิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อร่างกาย ซึ่งมีคำที่เรียกว่า “ความตึงเครียดจากความร้อน”
ศาสตราจารย์ออลลี เจย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการของศูนย์วิจัยความร้อนและสุขภาพ จากมหาวิทยาลัยซิดนีย์อธิบายว่า
“ความเครียดจากความร้อนคือปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม ได้แก่ อุณหภูมิซึ่งวัดในที่ร่ม ระดับความชื้นที่มาพร้อมกัน การอยู่กลางแสงแดดโดยตรง รวมถึงความแรงของลม ส่วนความตึงเครียดจากความร้อน คือภาวะทางสรีรวิทยาที่ร่างกายกำลังเผชิญอยู่”
เรื่องที่เกี่ยวข้อง

ออสเตรเลียกำลังเผชิญกับฤดูร้อนที่อุณหภูมิสูงทะลุสถิติของประเทศ
เมื่อร่างกายเกิดภาวะความตึงเครียดจากความร้อน อุณหภูมิร่างกายจะสูงขึ้น เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะลมแดด ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์เจย์อธิบายว่า ลมแดดไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดอันตรายในช่วงคลื่นความร้อน
“สิ่งที่เราเห็นคืออาการหัวใจและหลอดเลือดที่รุนแรง ผู้ที่มีโรคหัวใจมักมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจวายในช่วงคลื่นความร้อนสูงกว่ามาก เพราะร่างกายกำลังเปลี่ยนทิศทางการไหลเวียนของเลือดจากแกนกลางลำตัวไปยังผิวหนัง เพื่อพยายามระบายความร้อน ซึ่งสร้างภาระอย่างมากให้กับหัวใจ ในขณะเดียวกัน เราจะเหงื่อออกมากเพื่อการระเหยความร้อน ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่เพียงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดลมแดด แต่ยังซ้ำเติมภาระต่อระบบหัวใจและหลอดเลือดของผู้ที่มีปัญหาสุขภาพอยู่แล้วด้วย”

นครซิดนีย์ในวันที่อากาศร้อนจัด Credit: Hans /Pixabay
แพทย์หญิงมิเชลล์ ฮัมโรซี แพทย์ทั่วไป (GP) อธิบายว่า
คลื่นความร้อนถูกเรียกว่าเพชฌฆาตเงียบ เพราะมันสร้างความเครียดให้กับร่างกาย และสามารถทำให้อาการของโรคเรื้อรังกำเริบขึ้นได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาสุขภาพอยู่แล้ว นอกจากนี้ เรายังทราบด้วยว่าคลื่นความร้อนส่งผลต่อสุขภาพจิตด้วย การเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจากปัญหาสุขภาพจิตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงที่มีคลื่นความร้อน รวมถึงอัตราการฆ่าตัวตายและความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นด้วยแพทย์หญิงฮัมโรซีกล่าว

ศาสตราจารย์ออลลี เจย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการของศูนย์วิจัยความร้อนและสุขภาพ จากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ Credit: Joseph Byford Photography/University of Sydney
“หากร่างกายร้อนเกินไป ก็อาจส่งผลต่อสุขภาพของทารกได้ และเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำ ความดันโลหิตสูง และการคลอดก่อนกำหนด”
รีเบคกา เดอมาร์โกเผชิญผลกระทบด้านสุขภาพจากคลื่นความร้อนระหว่างการตั้งครรภ์ของลูกทั้งสามคน
เธอกล่าวว่า การเตรียมพร้อมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
“การวางแผนล่วงหน้าว่าเป็นสิ่งสำคัญ เช่น การอาบน้ำเย็น ลดการออกไปอยู่กลางแจ้งในช่วงอากาศร้อน และพยายามลดความร้อนภายในบ้าน รวมถึงการตัดสินใจระหว่างการเปิดเครื่องปรับอากาศ หรือใช้วิธีอื่นในการคลายร้อน เช่น พัดลม การตระหนักรู้และลงมือทำล่วงหน้า ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป เป็นสิ่งสำคัญ”

แพทย์หญิงมิเชลล์ ฮัมโรซี แพทย์ทั่วไปในออสเตรเลีย Credit: Dr Michelle Hamrosi
“ส่วนไหนของบ้านที่เย็นที่สุด? คุณสามารถสร้างพื้นที่หลบภัยจากความร้อนได้หรือไม่? ซึ่งมักจะเป็นห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ นอกจากนี้ หากคุณไม่มีอุปกรณ์ทำความเย็นในบ้าน ควรวางแผนล่วงหน้าว่าจะไปที่ไหนได้บ้าง เช่น บ้านเพื่อน บ้านของคนในครอบครัว ห้องสมุด หรือศูนย์การค้า และสิ่งสำคัญอีกประการคือการเตรียมพร้อมสำหรับไฟฟ้าดับ เช่น แช่ขวดน้ำไว้ในช่องแช่แข็ง เตรียมขวดสเปรย์ และดูแลให้อาหารและยาถูกเก็บไว้ในตู้เย็น”
กิจวัตรง่าย ๆ เพื่อรักษาความเย็นภายในบ้าน เช่น เปิดหน้าต่างเมื่อมีลมเย็น และปิดเมื่ออุณหภูมิเริ่มสูงขึ้น เมื่อความร้อนเริ่มเข้ามา ปิดผ่าม่าน เปิดพัดลม และดื่มน้ำ
พัดลมเพดานมีประโยชน์ แต่ก็มีข้อจำกัดเช่นกัน
“งานวิจัยของเราพบว่า เมื่ออุณหภูมิอากาศสูงเกิน 40 องศาเซลเซียส พัดลมอาจยิ่งทำให้ความเครียดจากความร้อนเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น ควรใช้พัดลมเมื่ออุณหภูมิต่ำกว่า 40 องศา แต่หากสูงกว่านั้น ควรหลีกเลี่ยงการใช้พัดลม”

พัดลมใช้คลายร้อนได้ดี ในวันที่อุณหภูมิสูงไม่ถึง 40 องศาเซลเซียส Credit: Image eak_kkk / Pixabay.
อย่าลืมตรวจสอบความเป็นอยู่ของเพื่อนบ้านและญาติผู้สูงอายุ และหากคุณหรือผู้อื่นรู้สึกไม่สบาย ควรหาวิธีคลายร้อนโดยเร็ว
“สามารถพักในที่เย็นได้หรือไม่ จิบน้ำเพิ่ม หรือใช้ผ้าเย็นประคบ หรืออาบน้ำที่เย็นขึ้น หากอาการไม่ดีขึ้นในระยะเวลาอันสั้น หรือมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ควรติดต่อแพทย์จีพี หรือสายด่วนสุขภาพ Healthdirect หากมีอาการรุนแรง เช่น สับสน หมดสติ เจ็บหน้าอก หรือมีไข้สูง ควรเรียกรถพยาบาลทันที”
สำหรับทารก ควรให้สวมเสื้อผ้าบางเบา หรือให้ใส่เพียงผ้าอ้อมในวันที่ร้อนจัด และดูแลให้ได้รับน้ำอย่างเหมาะสมตามวัย
สามารถให้ทารกอาบน้ำเย็นได้ การเล่นน้ำเป็นกิจกรรมที่ดีมากในช่วงคลื่นความร้อน และอีกประเด็นสำคัญคือ ห้ามทิ้งทารกไว้ในรถยนต์เด็ดขาด แม้เพียงช่วงเวลาสั้น ๆแพทย์หญิงฮัมโรซีอธิบาย
หากจำเป็นต้องอยู่กลางแจ้ง ศาสตราจารย์เจย์แนะนำให้พยายามอยู่ในที่ร่มให้มากที่สุด
“อุณหภูมิที่เราเห็นในพยากรณ์อากาศนั้นวัดในที่ร่ม หากคุณอยู่กลางแดดโดยตรง อุณหภูมิที่ร่างกายเผชิญอาจสูงกว่าที่รายงานไว้ถึง 15 ถึง 17 องศาเซลเซียส ดังนั้น การหาที่ร่มจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง”
ศาสตราจารย์เจย์และทีมงานยังได้พัฒนา HeatWatch เครื่องมือออนไลน์ฟรีซึ่งช่วยให้ประชาชนประเมินความเสี่ยงจากความร้อนเฉพาะบุคคลได้
“คุณสามารถกรอกอายุ โรคประจำตัว การเข้าถึงเครื่องปรับอากาศ รวมถึงรหัสไปรษณีย์ ระบบจะดึงข้อมูลสภาพอากาศที่เปิดเผยสาธารณะ และคำนวณคะแนนความเสี่ยงจากความร้อนเฉพาะบุคคล ช่วยให้เข้าใจความเสี่ยงตลอดทั้งวัน พร้อมการพยากรณ์ล่วงหน้าเจ็ดวัน และคำแนะนำในการคลายร้อนที่อิงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เพื่อช่วยวางแผนกิจกรรมต่าง ๆ ได้” ศจ. เจย์กล่าว

เด็กๆ กำลังเล่นน้ำที่สนามหญ้าหน้าบ้าน Source: iStockphoto / davidf/Getty Images/iStockphoto
หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
- What is a heatwave?
- Why are heatwaves dangerous?
- Why are heatwaves of particular risk for pregnant women?
- How should you prepare for a heatwave?
- What should you do to cope during a heatwave?
- What design features in buildings can help reduce the impact of heatwaves?
- Where can I get more information about heatwaves?
Australia Explained เป็นพอดคาสต์ข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับการปรับตัวให้เข้ากับชีวิตใหม่ในออสเตรเลีย














