คนไทยในออสเตรเลียสะท้อนความรู้สึกต่อเหตุปะทะชายแดนไทย–กัมพูชา เรียกร้องยุติความขัดแย้งด้วยสันติวิธี

Thailand cuts diplomatic ties with Cambodia

สถานทูตไทยในกัมพูชา (Photo credit: KITH SEREY/EPA) Source: EPA / KITH SEREY/EPA/AAPImage

เหตุการณ์ความตึงเครียดที่ปะทุขึ้นตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา สร้างความวิตกกังวลไม่เพียงแต่ในสองประเทศเท่านั้น แต่ยังส่งผลสะเทือนไกลถึงชุมชนไทยในออสเตรเลีย ที่ยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ด้วยหัวใจที่ผูกพันต่อบ้านเกิดและแสดงความกังวลต่อสันติภาพของภูมิภาค


เหตุปะทะด้วยอาวุธระหว่างไทยและกัมพูชาตามแนวชายแดน ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ได้สร้างความวิตกกังวลในวงกว้าง ไม่เพียงในประเทศต้นทาง แต่ยังรวมถึงชุมชนไทยในต่างแดน โดยเฉพาะในออสเตรเลียที่ยังคงจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

เสียงสะท้อนจากสมาชิกชุมชนไทยในนครซิดนีย์ เพิร์ท และเมลเบิร์น บ่งชี้ถึงความรู้สึกร่วมที่มีต่อวิกฤตการณ์ครั้งนี้ ทั้งในมิติของอารมณ์ ความกังวลต่อผลกระทบระยะยาว และข้อเสนอในการหาทางออกอย่างสันติ

ตกใจและห่วงบ้านเกิด

เสียงแรกของความรู้สึกที่เกิดขึ้นทันทีเมื่อชาวไทยในออสเตรเลียได้รับรู้ข่าวเหตุปะทะชายแดน คือ “ความตกใจ” และ “ความห่วงใย” แม้จะอยู่ห่างไกลจากบ้านเกิด แต่หลายคนยังเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
Pam Sydney edited.jpg
ปิติฐิยา ดิลกพรหิรัณย์ เจ้าหน้าที่ของสมาคมนวดไทยแห่งออสเตรเลียในนครซิดนีย์ Credit: Supplied

ปิติฐิยา ดิลกพรหิรัณย์ (แพม) เจ้าของธุรกิจนวดสปาและเจ้าหน้าที่ของสมาคมนวดไทยแห่งออสเตรเลีย (Thai massage Union of Australia) ในนครซิดนีย์กล่าวว่า

“เห็นข่าวแล้วตกใจมากค่ะ ไม่เคยคิดว่าจะเห็นความรุนแรงขนาดนี้ โดยเฉพาะมีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต”

ส่วน เสาวรักษ์ ศรีสุขโข ประธานสมาคม Center for Thailand language and Culture of WA INC. กล่าวว่าชาวไทยในออสเตรเลียจำนวนมากรู้สึกตกใจกับเหตุปะทะที่เกิดขึ้น

“ตอนเช้าเปิดเฟซบุ๊กก็เห็นข่าวเต็มไปหมด โทรคุยกับเพื่อน ๆ ที่เมืองไทย หลายคนก็ตกใจเหมือนกัน”

และดร.โสภา โคล ผู้อำนวยการศูนย์ Thai Education Centre of Victoria และอดีตอาจารย์ด้านประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เปิดเผยว่า

“เห็นข่าวจากสื่อท้องถิ่นออสเตรเลียเมื่อเย็น แล้วกลับมาอ่านข่าวจากไทยตอนเช้า ก็รู้สึกว่าน่าวิตกกังวล”

รับข่าวจากโซเชียลมีเดียส่งผลดีหรือผลเสีย?

ผู้ให้สัมภาษณ์ทุกคนเห็นตรงกันว่า โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือสองคม โดยเฉพาะในภาวะวิกฤต มันสามารถกระจายข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว

แต่ในขณะเดียวกันก็อาจกลายเป็นช่องทางกระตุ้นอารมณ์ชาตินิยม และนำไปสู่ความเข้าใจผิดระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ ปิติฐิติยา กล่าวว่า

“ข้อดีคือเรารู้ข่าวไว ข้อเสียคือมันไปกระตุ้นความเกลียดกันระหว่างคนไทยกับกัมพูชาบนโซเชียลโดยไม่ทันได้คิด”
Soawarak edited.jpg
เสาวรักษ์ ศรีสุขโข ประธานสมาคม Center for Thailand language and Culture of WA INC. Credit: Supplied
ส่วน เสาวรักษ์บอกว่าการกระจายข่าวอย่างรวดเร็วอาจเป็นข้อเสียในด้านการวางแผนยุทธศาสตร์ของประเทศ

“บางโพสต์อาจทำให้ศัตรูรู้ว่าเราคิดอะไร หรือกองทัพอยู่ตรงไหน”

ส่วน ดร. โสภา ให้ข้อคิดว่าการใช้โซเชียลอาจนำไปสู่การปลุกเร้าความารู้สึกชาตินิยมและเป็นเรื่องอันตรายหากคนเสพไม่มีวิจารณญาณ
ถ้ามีคนจงใจปลุกความรู้สึกชาตินิยมผ่านโซเชียลมันไปเร็วมาก และอันตรายมาก
ดร. โสภา โคล กล่าว

ผลกระทบต่อแรงงาน–การค้า–ความสัมพันธ์

หากความขัดแย้งยังคงยืดเยื้อ สมาชิกชุมชนไทยในออสเตรเลียต่างเห็นว่าผลกระทบจะลุกลามไปไกลกว่าจุดปะทะ โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคงของแรงงานข้ามชาติ และความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนในระดับพื้นที่

ปิติฐิติยา ให้ความเห็นว่า

“แรงงานกัมพูชาจำนวนมากคือกำลังสำคัญของเศรษฐกิจไทย ถ้ามีผลกระทบ คนไทยเองก็จะเดือดร้อน”
Dr. Sopha Cole edited.jpg
ดร.โสภา โคล ผู้อำนวยการศูนย์ Thai Education Centre of Victoria Credit: Supplied
“ตลาดชายแดน การค้าขายประจำวัน และความสัมพันธ์ระดับรากหญ้าจะเสียหาย” ดร. โสภา กล่าว

ด้านเสาวรักษ์ชี้ว่า “แรงงานของเขาเข้ามาอยู่ไทยเยอะ ฝ่ายเศรษฐกิจของไทยต้องคิดให้ดีว่าจะจัดการยังไง ถ้าเขาต้องกลับไปหมด”

เรียกร้องทางออกโดยสันติวิธี

แม้จะมีความต่างในวัยและบทบาทในสังคม แต่ผู้ให้สัมภาษณ์ทั้งหมดมีจุดร่วมเดียวกันในแนวทางแก้ปัญหา นั่นคือ การใช้สันติวิธีและหลีกเลี่ยงความรุนแรงที่อาจนำไปสู่ความสูญเสียมากยิ่งขึ้น

“เราอาจมีอาวุธทันสมัยกว่า แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันคือความสูญเสีย ไม่ใช่ชัยชนะ” แพม กล่าว ในขณะที่เสาวรักษ์และดร.โสภา มีความเห็นไปในทางเดียวกัน
เราต้องยอมรับสิทธิของแต่ละฝ่าย และหาทางเจรจาประนีประนอม
เสาวรักษ์ ศรีสุขโข ชี้
“ถ้าคุยกันไม่ได้ อาจต้องมีประเทศที่สามมาช่วยไกล่เกลี่ย แต่สุดท้ายต้องจบด้วยการพูดคุย ไม่ใช่ปะทะ”

เสียงสะท้อนจากชุมชนไทยในออสเตรเลียชี้ให้เห็นถึงความห่วงใยและความหวังร่วมกันว่า ความขัดแย้งในครั้งนี้จะไม่บานปลายไปมากกว่านี้ และจะมีหนทางไปสู่กระบวนการเจรจาอย่างสันติ

ในวันที่คำถามเรื่อง “ใครเริ่มก่อน” ยังคงเป็นที่ถกเถียง เสียงจากผู้ที่เฝ้ามองจากแดนไกลอาจช่วยนำเสนอคำถามใหม่ที่สำคัญกว่าว่า เราจะหาทางยุติความขัดแย้งนี้อย่างไรโดยไม่ต้องแลกด้วยชีวิต?
ความรุนแรงมันไม่มีอะไรดี...มันมีแต่ความสูญเสีย
ดร. โสภา โคล
ฟังเรื่องนี้ได้ที่นี่:
ติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่ เว็บไซต์ หรือ Facebook และ Instagram

Share

Recommended for you

Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand