บทความนี้มีเนื้อหาที่พูดถึงการคุกคามทางเพศและการข่มขืน
ชาวออสเตรเลียส่วนมากยังคงไม่เข้าใจว่าการแอบถอดถุงยางอนามัยมีผลอย่างไร แม้ว่าการกระทำดังกล่าวถือเป็นอาชญากรรมในออสเตรเลีย
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าหลายคนไม่รู้ว่าการถอดถุงยางคืออะไร หรือว่าผิดกฎหมายหรือไม่
การแอบถอดถุงยางอนามัย หมายถึงการถอดถุงยางอนามัยออกโดยไม่ได้รับความยินยอมระหว่างมีเพศสัมพันธ์ และยังรวมถึงการทำให้ถุงยางอนามัยเสียหายโดยเจตนา ในช่วงก่อนหรือระหว่างมีเพศสัมพันธ์อีกด้วย
นอกจากจะละเมิดความยินยอมแล้ว การแอบถอดถุงยางอนามัยยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์และการติดต่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อีกด้วย
การแอบถอดถุงยางอนามัยผิดกฎหมายออสเตรเลียหรือไม่
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กฎหมายออสเตรเลียได้นับว่าการแอบถอดถุงยางอนามัยถือว่าเป็นการล่วงละเมิดทางเพศ หรือการข่มขืน ซึ่งบังคับใช้เกือบทุกรัฐทั่วประเทศ
บรีอันนา เชสเซอร์ รองศาสตราจารย์ด้านอาชญวิทยาและการบริหารงานยุติธรรมจากมหาวิทยาลัย RMIT ให้สัมภาษณ์กับเอสบีเอสนิวส์ว่ามีความพยายามให้แก้กฎหมายเพื่อเอาผิดการถอดถุงยางอนามัยซึ่งใช้เวลากว่าห้าปี
รัฐออสเตรเลียนแคพิทอลเทร์ริทอรี (ACT) เป็นเขตอำนาจศาลแรกในออสเตรเลียที่กำหนดให้การแอบถอดถุงยางอนามัยผิดกฎหมายในปี 2021 โดยมีรัฐอื่นๆ กำหนดตามหลัง ปัจจุบันการกระทำดังกล่าวถือเป็นอาชญากรรมในรัฐแทสเมเนีย นิวเซาท์เวลส์ ควีนส์แลนด์ เซาท์ออสเตรเลีย และวิกตอเรีย และกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียและนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี
บรีอันนากล่าวว่าการแอบถอดถุงยางอนามัยเป็นอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบต่อทั้งชายและหญิง ทั้งผู้ที่มีความสัมพันธ์หลากหลายทางเพศ และผู้ให้บริการทางเพศ (sex worker) ที่มีความเสี่ยงสูงกว่ากลุ่มอื่นๆ
ศาลฎีกาเขต ACT ตัดสินชายคนหนึ่งว่ามีความผิดฐานข่มขืนเมื่อต้นปีที่ผ่านมา หลังจากที่เขาแอบถอดถุงยางอนามัยระหว่างมีเพศสัมพันธ์กับผู้ให้บริการทางเพศ เขาถูกตัดสินจำคุกสองปี ขณะที่อีกคดีหนึ่งกำลังอยู่ในการพิจารณาของศาลในรัฐนิวเซาท์เวลส์
บริอันนาเผยว่าการแอบถอดถุงยางอนามัยนั้นไม่จัดอยู่ในทะเบียนสถิติอาชญากรรม ทำให้ไม่ทราบจำนวนอาชญากรที่ถูกดำเนินคดีล่วงละเมิดทางเพศจากการกระทำนี้ กลับกัน การแอบถอดถุงยางอนามัยนับอยู่ในประเภทการล่วงละเมิดทางเพศหรือข่มขืน
“การแอบถอดถุงยางอนามัยมักจะไม่รวมอยู่ในกลุ่มข้อหาที่ผู้กระทำผิดถูกดำเนินคดี ดังนั้นการตรวจสอบว่าการเอาผิดผู้ที่แอบถอดถุงยางนั้นประสบความสำเร็จแค่ไหนจึงเป็นเรื่องยากมาก” บริอันน่ากล่าว
การตีความอาชญากรรมประเภทนี้อาจซับซ้อน เพราะแม้ว่าคู่นอนจะยินยอมให้มีเพศสัมพันธ์แบบสอดใส่พร้อมถุงยางอนามัย ก็ไม่ได้แปลว่าจะให้มีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัยก็ได้
ตระหนักรู้ไม่มากพอและส่งต่อความเชื่อที่ผิด
วิชัย รามาณธาน นักวิชาการอาวุโสจากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ และนักบำบัดจิตทางเพศ กล่าวว่าการแอบถอดถุงยางอนามัยนั้นเกิดจากแนวที่คิดว่าตนมีอำนาจและขาดความเห็นอกเห็นใจ มากกว่าจะเป็นเจตนามุ่งทำร้ายอีกฝ่าย
"เหยื่อของการแอบถอดถุงยางนั้นได้รับผลกระทบที่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมาก” เขาบอกกับเอสบีเอสนิวส์
วิชัยชี้ว่าแทนที่จะมุ่งไปที่ประเด็นการยินยอมให้มีเพศสัมพันธ์ เราควรตีแผ่ความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับถุงยางอนามัยมากกว่า และตั้งคำถามที่สำคัญอย่างทำไมผู้ชายถึงอยากถอดถุงยาง
“เหตุผลหลักเลยคือผู้ชายมักเชื่อฝังหัวว่าหากสวมถุงยางอนามัยแล้วเวลามีเพศสัมพันธ์จะไม่รู้สึกดีเท่าเวลาไม่สวมถุงยางอนามัยเลย"
วิชัยอธิบายอีกว่าผู้ชายบางกลุ่มก็คิดว่าถ้าคู่นอนของพวกเขาขอให้เขาสวมถุงยางอนามัย แปลว่าคู่นอนไม่เชื่อใจพวกเขา
"อีกเหตุผลหนึ่งคือหลายคนอาจคิดว่าพวกเขารู้จักคู่นอนตัวเองดี คงไม่มีโอกาสเสี่ยงติดโรคหรอก ฉันมั่นใจว่ายังไงก็ไม่พลาดท้อง งั้นไม่ต้องใช้ถุงยางอนามัยก็ได้” วิชัยเสริม
“เวลาเราตัดสินใจโดยใช้อารมณ์ขณะมีเพศสัมพันธ์นั้นมักจะไม่รอบคอบ แล้วก็จะมีผลที่ตามมาเสมอ”

การแอบถอดถุงยางก่อให้เกิดผลกระทบทางกาย เช่น ตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ หรือติดโรคติดต่อทางเพศ แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าผลกระทบด้านจิตใจก็รุนแรงไม่แพ้กัน Source: Getty / Ekaterina Goncharova
งานวิจัยว่าด้วยความยินยอมมีเพศสัมพันธ์ที่จัดทำโดยทินเดอร์และยูกอฟ เมื่อปี 2023 พบว่าในจำนวนผู้ใช้บริการแอปหาคู่ทั้งหมดสองพันคน อายุระหว่าง 18-40 ปี กว่าร้อยละ 25 เข้าใจผิดว่าการแอบถอดถุงยางอนามัยนั้นไม่ใช่การล่วงละเมิดทางเพศ หรือไม่พวกเขาก็ไม่มั่นใจว่าผิดกฎหมายหรือเปล่า
เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว แอปพลิเคชันทินเดอร์ได้เผยแพร่คู่มือความยินยอมมีเพศสัมพันธ์สำหรับผู้ใช้บริการในออสเตรเลีย โดยร่วมมือกับนักกิจกรรมด้านเพศ ชาแนล คอนโทส และเครือข่ายบริการสตรี ซึ่งเป็นองค์กรหลักที่ให้บริการด้านความรุนแรงในครอบครัว
ชาแนลให้ความเห็นว่าจะต้องปรับปรุงความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องความยินยอมมีเพศสัมพันธ์เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแอบถอดถุงยางอนามัย
“การแอบถอดถุงยางอนามัยนั้นเป็นอาชญากรรมที่เปราะบางมาก เพราะก่อนที่จะเกิดเหตุ เหยื่อมักจะยินยอมมีเพศสัมพันธ์โดยใช้ถุงยางแล้ว ซึ่งอาจหมายความว่าเหยื่อก็มีแนวโน้มที่จะรู้สึกดีต่อผู้กระทำผิด นับว่าเป็นเรื่องที่ตีความยาก”
กรอบนโยบายความยินยอมมีเพศสัมพันธ์ของรัฐบาล ซึ่งมุ่งป้องกันความรุนแรงทางเพศ ได้กำหนดแนวคิดห้าประการว่าด้วยความยินยอมทางเพศ ประกอบด้วย ความยินยอมต้องเกิดขึ้นโดยความสมัครใจ ต้องระบุขอบเขตและรับรู้ทุกฝ่าย ต้องได้รับคำยืนยันและสื่อสารอย่างชัดเจน ทุกฝ่ายต้องยินยอมตลอดกิจกรรม และจะต้องยินยอมในขณะที่มีสติสัมปชัญญะ
ผลกระทบด้านร่างกายและจิตใจ
การแอบถอดถุงยางอนามัยส่งผลให้ความเสี่ยงติดโรคทางเพศสัมพันธ์สูงขึ้น และในกรณีของเหยื่อเพศหญิง ก็อาจมีโอกาสตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์
ในแง่ของสภาพจิตใจ บางคนอาจรู้สึกฝังใจและสับสน เนื่องจากการล่วงละเมิดทางเพศนั้นมักเกิดขึ้นคู่กับการใช้กำลัง
วิชัยกล่าวว่าประสบการณ์ฝังใจนั้นมีผลกระทบหลายด้าน หลายมิติ แม้ว่าเพศสัมพันธ์จะเป็นกิจกรรมที่มอบความสุขให้ทั้งสองฝ่าย แต่ถ้าหากคู่นอนแอบถอดถุงยางอนามัยแล้ว ก็จะทำลายความเชื่อใจในความสัมพันธ์นั้นไปเลย
“เมื่อสูญเสียความเชื่อใจไปแล้วก็ยากจะเรียกกลับคืน” วิชัยบอก
“เหยื่อจะจำฝังใจว่าคู่นอนคนต่อๆ ไปก็จะทำร้ายพวกเขาแบบเดิม แล้วแนวคิดนี้มันส่งผลกระทบไปถึงด้านอื่นๆ ของชีวิตเหยื่อด้วย ผู้ที่เคยประสบเหตุแบบนี้จะไม่ไว้ใจคนอื่นแล้ว เป็นการทำร้ายดีๆ นี่เอง”
หากผู้อ่านต้องการความช่วยเหลือเหตุล่วงละเมิดทางเพศ ติดต่อสายด่วน 1800 RESPECT ได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 1800 737 732 หรือส่งข้อความไปที่ 0458 737 732 หรือเข้าไปที่เว็บไซต์ 1800RESPECT.org.au.
หากพบเหตุฉุกเฉิน โทร 000
ผู้อ่านสามารถขอความช่วยเหลือด้านสุขภาพจิตได้ที่องค์กร Beyond Blue ที่เบอร์ 1300 22 4636 หรือที่เว็บไซต์ beyondblue.org.au
นอกจากนี้ องค์กร Embrace Multicultural Mental Health ยังให้การช่วยเหลือด้านสุขภาพจิตแก่ผู้ที่มาจากภูมิหลังภาษาและวัฒนธรรมที่หลากหลาย