'Dress code' คืออะไร? เข้าใจแนวทางการแต่งตัวให้เหมาะกับงาน

Confident young designer showcasing clothing collection in her stylish workspace, highlighting textiles, fashion, and creativity

การแต่งกายให้ตรงตามแนวทางที่กำหนดของงานช่วยให้เราปฏิบัติตามความคาดหวังของเจ้าภาพ Source: iStockphoto / Deagreez/Getty Images

ในช่วงสิ้นปี คุณอาจได้รับเชิญไปงานปาร์ตี้ และแต่ละงานอาจมี ‘dress code’ ต่างกัน สิ่งนี้คืออะไร? และคุณจะแต่งตัวให้เข้ากับงานได้อย่างไร? เรามีคำอธิบายแนวทางการแต่งตัวในแต่ละแบบ เพื่อให้คุณแต่งตัวไปร่วมงานได้อย่างมั่นใจ


ประเด็นสำคัญ
  • 'Dress code' ช่วยกำหนดบรรยากาศของงาน
  • หากไม่มั่นใจเรื่องการแต่งกาย ควรสอบถามเจ้าภาพ
  • 'Black tie' เป็นแนวทางการแต่งกายอย่างเป็นทางการที่สุด
  • การแต่งกายแบบ 'casual' นั้นไม่เป็นทางกาย และสามารถใส่กางเกงยีนส์ได้
    คุณอาจเห็นคำว่า ‘dress code’ หรือแนวการแต่งตัวบนการ์ดเชิญร่วมงานอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็น ‘Black tie’ หรือ ‘Smart casual’

    แนวการแต่งกายนี้ช่วยให้เราเข้าใจความคาดหวังของเจ้าภาพ และกำหนดบรรยากาศของงาน

    อย่างไรก็ตาม ควรหาข้อมูลก่อนล่วงหน้า โดยเฉพาะเมื่อไม่มี dress code ระบุ และที่สำคัญ อย่าอายที่ถามเจ้าภาพว่า “ต้องแต่งตัวยังไง”
    คูดรัต มักการ์ ครีเอทีฟไดเรกเตอร์จากแบรนด์แฟชั่นมาสตานี (Mastani) แนะนำว่า

    “ฉันจะเช็ก dress code ทุกครั้ง เพราะฉันเคยทำพลาดมาแล้ว เหมือนเวลาเราไปงานแต่งในอินเดีย ทุกคนจะแต่งตัวจัดเต็มกันหมด ก็เลยไม่รู้สึกโอเวอร์ไป แต่ในออสเตรเลียส่วนใหญ่คนจะเเต่งแบบสบายๆ กว่ามาก”
    และนี่คือเหตุผลว่าทำไม dress code ถึงสำคัญ

    โจชัว ตัน ช่างตัดสูทในเมลเบิร์นกล่าวว่ามีกฎพื้นฐานที่ใช้ได้เสมอ แม้จะไม่รู้ dress code มาก่อนก็ตาม
    โทนสีเข้มเหมาะกับงานทางการ ส่วนสีอ่อนสำหรับงานไม่เป็นทางการ สำหรับผู้หญิง ถ้าเป็นงานที่ทางการมาก เดรสควรยาวคลุมเข่า กฎพวกนี้ใช้ได้ดี
    ตันกล่าวถึงกฎพื้นฐานในการแต่งตัวตาม dress code
    ลิซา สต็อกแมน สไตลิสต์ส่วนบุคคลในเมลเบิร์นซึ่งทำงานให้คำแนะนำด้านแฟชั่น เธอกล่าวว่า dress code ที่เป็นทางการที่สุดในออสเตรเลียคือ ‘Black tie’ มักนิยมในงานแต่ง งานประกาศรางวัล และงานกาล่าการกุศล

    “ผู้ชายมักใส่ทักซิโด้สีดำ เสื้อเชิ้ตสีขาว โบไท และรองเท้าหนัง ผู้หญิงจะใส่เดรสยาวลากพื้น มักเป็นผ้าหนา และส่วนใหญ่จะสวมส้นสูง”
    Black bow tie on white background
    แนวการแต่งกายแบบ formal มักใช้กับงานแต่งงาน ดินเนอร์แบบทางการ และงานบริษัท Source: Getty / Kamal Iklil/Getty Images
    แนวการแต่งตัวอีกแบบคือ ‘Formal’ หรือที่เรียกว่า ‘Black tie optional’

    เป็นลุคที่ทางการน้อยกว่า Black tie แต่ก็อาจคลุมเครือได้ เพราะการตีความเริ่มยืดหยุ่นมากขึ้นในปัจจุบัน มักใช้ในงานแต่ง ดินเนอร์แบบทางการ และงานบริษัท

    สำหรับผู้ชาย สูทกับเสื้อเชิ้ตปกคอคือชุดที่เหมาะสม

    “ผู้ชายส่วนใหญ่จะใส่โบไทหรือเนกไท แม้เดี๋ยวนี้ในออสเตรเลียหลายคนไม่ใส่เนกไท ซึ่งอาจทำให้สับสน แต่จะใช้ผ้าเช็ดหน้าสี (pocket square) แทน รองเท้าแตะไม่ได้แน่นอน ต้องเป็นรองเท้าหนัง และเสื้อเชิ้ต สำหรับผู้หญิง เดรสไม่จำเป็นต้องลากพื้น แต่ควรเป็นเดรสยาว หรือบางครั้งเป็นกางเกงสูทที่ตัดด้วยผ้าสวยๆ”

    ‘Cocktail’ และ ‘Semi-formal’ เป็น dress code ที่พบมากที่สุดตามงานแต่งงาน ค็อกเทลปาร์ตี้ งานหมั้น งานออฟฟิศ และงานวันเกิดสำคัญ

    Semi-formal จะสุภาพเรียบร้อยกว่า ส่วน Cocktail จะสนุกกว่าเล็กน้อย

    “ลุคนี้อยู่กึ่งกลางระหว่าง ‘Formal’ และ ‘Casual’ ผู้ชายมักใส่สูทแต่ไม่จำเป็นต้องเป็นโทนเข้ม หลายคนในออสเตรเลียจะไม่ใส่เนกไท ผู้หญิงตีความได้กว้างมาก ความยาวเดรสได้ทุกแบบ หรืออาจใส่ชุดกางเกงสูทหรือจัมพ์สูท”
    Teenagers and young adults in formalwear at party
    การแต่งกายแบบ semi-formal มีความสุภาพกว่าแบบ cocktail ซึ่งเหมาะกับงานที่สนุกกว่า Source: Getty / kali9/Getty Images
    การแต่งกายแบบ ‘Cocktail’ สามารถใส่ความสนุกและใส่บุคลิกเข้าไปได้มากกว่า

    ถ้าคุณมีเสื้อผ้าน้อยหรือยังไม่แน่ใจ ตันแนะนำว่ามีสิ่งหนึ่งที่สามารถเข้าได้แทบทุก dress code ที่เป็นทางการ

    “นั่นคือชุดสูท ผู้หญิงหรือผู้ชาย หรือทุกเพศใส่ได้หมด เลือกผ้าหรือสีที่ต่างกัน หากไม่มั่นใจว่าจะเข้ากับ dress code แบบไหน เลือกใส่สูทที่มีสีหรือเนื้อผ้าให้เหมาะสมกับงานได้”

    สำหรับเครื่องประดับ เช่น สร้อยหรือแหวน เนกไท หรือ pocket square สามารถช่วยยกระดับลุคให้เป็นทางทางการมากขึ้นได้

    แนวทางการแต่งตัวอีกประเภทคือ ‘Smart casual’ ซึ่งมักทำให้คนงง เพราะอยู่ระหว่างชุดใส่ประจำวัน และชุดที่ดูเป็นทางการขึ้นได้ด้วย

    “ผู้ชายในออสเตรเลียมักใส่กางเกงชิโน (chino) หรือยีนส์ดูดีแบบไม่ขาด เสื้อเชิ้ตแบบติดกระดุม แจ็กเก็ตสปอร์ต รองเท้าหนังแบบ loafers หรือ driving shoes ส่วนผู้หญิงอาจใส่ชุดที่เสื้อกับกางเกงเข้าชุด ใส่ยีนส์สีเข้ม เดรสดีๆ กระโปรง หรือบูต ไม่จำเป็นต้องใส่ส้นสูง”
    Line up of Fashionable Gen Z adults
    Smart casual เป็นการแต่งตัวที่เหมาะกับงานรื่นเริงในที่ทำงานหรืองานวันเกิดแบบสบายๆ Credit: We Are/Getty Images
    สุดท้ายคือ ‘Casual attire’ ซึ่งเป็น dress code ที่สบายที่สุด

    แล้วแต่บริบทของงาน เช่น เป็นวันชิลๆ ในออฟฟิศหรือปาร์ตี้บาร์บีคิว

    “สำหรับการแต่งกายแบบนี้คือสามารถใส่ยีนส์ได้ แต่ฉันไม่แนะนำรองเท้าแตะหรือเสื้อผ้าขาดๆ แต่เลือกชุดที่คุณรู้สึกดี และดูเรียบร้อย”

    สำหรับตัน เขาชอบใช้กฎข้อเดียวในการแต่งกายแบบ casual หรือ semi-casual ซึ่งเป็นสไตล์ที่เขาชอบ

    ยิ่งงานไม่เป็นทางการมากเท่าไหร่ คุณสามารถเพิ่มความ ‘คอนทราสต์’ ในลุคการแต่งกายของคุณได้มากขึ้น

    “อย่าง ‘odd suit’ ที่เราเรียกกัน หรือการใส่เสื้อสปอร์ตแจ็กเก็ตกับกางเกงที่ไม่เข้าชุดกัน ผมจะใส่อะไรที่แตกต่างกัน เช่น ท่อนบนสีเข้มคู่กับท่อนล่างสีอ่อน หรือกลับกัน ทำให้ได้ลุค casual แต่ดูเนี้ยบ และไม่จำเป็นต้องใส่เนกไท”
    Close-up of wedding invitation on plate
    คำเชิญร่วมงานแต่งงานบนจานที่โต๊ะรับประทานอาหาร Source: Getty / Vstock LLC/Getty Images/VStock RF
    แล้วถ้าคุณอยากสื่อวัฒนธรรมของตัวเองผ่านการแต่งตัวล่ะ?

    มักการ์กล่าวว่า การแต่งกายเพื่อสื่อวัฒนธรรมไม่จำเป็นต้องใส่ชุดประเพณีเต็มชุด แต่สามารถใส่องค์ประกอบเล็กๆ เข้าไปแทนได้

    “ฉันเติบโตมากับงานที่เป็น black tie หลายงาน ฉันเลยอยากใส่ความเป็นอินเดียเข้าไปนิดหน่อย ฉันจะทำผ่านรายละเอียดเล็กๆ เช่น เครื่องประดับที่มีคุณค่าทางครอบครัว ลายผ้าหรือเนื้อผ้าที่มีความหมาย แต่ใช้ในเชิงร่วมสมัย เช่น เบลเซอร์หรือเดรสเรียบๆ แต่เป็นผ้าทอไหมด้วยมือ”

    ท้ายที่สุด ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร ถ้าคุณแต่งตัวไม่ตรง dress code

    ตันย้ำว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือการไปร่วมงานตามคำเชิญ
    ความตั้งใจเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ถ้าไม่เข้าใจแนวทางการแต่งตัวจริงๆ ก็แต่งในแบบที่คิดว่าเหมาะสม เพราะการไปงานและให้เกียรติเจ้าภาพ สำคัญกว่าเรื่องการแต่งตัวให้ถูกต้องตาม dress code
    ตันแนะนำ
    Australia Explained เป็นพอดคาสต์ข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับการปรับตัวให้เข้ากับชีวิตใหม่ในออสเตรเลีย

    คุณสามารถส่งคำถามหรือไอเดียหัวข้อที่น่าสนใจมาได้ที่ australiaexplained@sbs.com.au

    ติดตามเอสบีเอส ไทย ได้อีกทาง เว็บไซต์ | เฟซบุ๊ก | อินสตาแกรม


      Share
      Follow SBS Thai

      Download our apps
      SBS Audio
      SBS On Demand

      Listen to our podcasts
      Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
      Understand the quirky parts of Aussie life.
      Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

      Watch on SBS
      Thai News

      Thai News

      Watch in onDemand