จากคดีมาบอสู่ปัจจุบัน: เรื่องราวสิทธิความเป็นเจ้าของดั้งเดิมที่ยังไม่สิ้นสุดลง

Australia - Bungle Bungles - Eco Tourism

ทัมบา แบงก์ส ชาวจารู ซึ่งครอบครัวของเธอเคยอาศัยอยู่ในพื้นที่บังกัลบังกัล (ที่ผู้คนของเธอเรียกว่า บิลลิงจัล (Billingjal) ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่เป็นหนึ่งในผู้ถือสิทธิ์ดั้งเดิมของอุทยานแห่งชาติเพอร์นูลูลู Credit: Barry Lewis/Corbis via Getty Images

ออสเตรเลียเป็นที่รู้จักทั่วโลกในฐานะดินแดนที่มีวัฒนธรรมของชนพื้นเมืองที่หลากหลายและลึกซึ้ง แต่เมื่อพูดถึงสิทธิความเป็นเจ้าของดั้งเดิม (Native title) และสิทธิในที่ดิน (Land rights) หลายคนอาจยังสงสัยว่าคำเหล่านี้หมายถึงอะไรมาร่วมทำความเข้าใจว่าสิทธิความเป็นเจ้าของดั้งเดิม ในออสเตรเลียคืออะไร คดีมาบอมีความเป็นมาอย่างไร กฎหมาย Native Title Act มีหน้าที่อะไร และเหตุใดเรื่องนี้จึงสำคัญต่อชาวออสเตรเลียทุกคน


ประเด็นสำคัญ
  • สิทธิความเป็นเจ้าของดั้งเดิม คือการรับรองทางกฎหมายว่าชาวอะบอริจินและชาวเกาะช่องแคบทอร์เรสยังคงมีความเชื่อมโยงกับผืนดินและแหล่งน้ำ โดยอิงตามกฎหมายและขนบธรรมเนียมดั้งเดิมของพวกเขา
  • สิทธิความเป็นเจ้าของดั้งเดิมช่วยให้ชุมชนชนพื้นเมืองสามารถรักษาและอนุรักษ์วัฒนธรรมของตนได้
  • สำหรับคนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองและเป็นเจ้าของบ้านเอง สิทธิความเป็นเจ้าของดั้งเดิมอาจไม่ส่งผลต่อชีวิตประจำวันโดยตรง แต่การทำความเข้าใจเรื่องนี้จะช่วยให้เรามีส่วนร่วมในการพูดคุยเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวได้มากขึ้น

คำเตือน: เนื้อหานี้มีภาพและรายนามของผู้ล่วงลับ

  • สิทธิความเป็นเจ้าของดั้งเดิมเกิดขึ้นได้อย่างไร?
  • สิทธิความเป็นเจ้าของดั้งเดิมหมายถึงอะไร?
  • เหตุใดสิทธิความเป็นเจ้าของดั้งเดิมจึงมีความซับซ้อน?
  • พื้นที่ใดในออสเตรเลียที่อยู่ภายใต้สิทธิความเป็นเจ้าของดั้งเดิม
  • ทำไมสิทธิความเป็นเจ้าของดั้งเดิมจึงสำคัญต่อชาวออสเตรเลียทุกคน?
สิทธิความเป็นเจ้าของดั้งเดิม (native title) สิทธิในที่ดิน (land rights) และสนธิสัญญา (treaty) ทั้งสามนี้ต่างเป็นแนวทางเพื่อสนับสนุนและรักษาวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงกับผืนแผ่นดินของชนพื้นเมืองในออสเตรเลีย คุณสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่อวราวของสิทธิในที่ดิน และสนธิสัญญาได้ในตอนก่อนหน้า

พอดคาสต์ตอนนี้เราจะอธิบายเรื่องสิทธิความเป็นเจ้าของดั้งเดิม ว่าคำนี้คืออะไร มีประวัติความเป็นมาอย่างไร และแตกต่างจาก คำว่าสิทธิในที่ดินอย่างไร

สิทธิความเป็นเจ้าของดั้งเดิมเกิดขึ้นได้อย่างไร?

เป็นเวลากว่า 200 ปี ที่ออสเตรเลียถูกประกาศว่าเป็น terra nullius (เท-ระ นัล-ลี-อัส) หรือ “ดินแดนว่างเปล่า” ซึ่งหมายความว่าไม่มีการรับรองการมีอยู่ของชนพื้นเมืองชาวอะบอริจินและชาวเกาะช่องแคบทอร์เรสที่อาศัยอยู่บนผืนดินนี้มาก่อนการเข้ามาตั้งถิ่นฐานของชาวยุโรป

แต่คดีประวัติศาสตร์ที่เรียกว่า “คดีมาบอ” (The Mabo Case) และคดีนี้ ได้เปลี่ยนคำจำกัดความของดินแดนนี้ไปตลอดกาล

ในปี 1982 กลุ่มชาวเมอร์เรียม (Meriam people) นำโดย เอ็ดดี มาบอ ได้ยื่นฟ้องร้องเพื่อขอให้ศาลรับรองสิทธิความเป็นเจ้าของดั้งเดิมเหนือหมู่เกาะเมอร์เรย์ (Murray Islands) ในช่องแคบทอร์เรส ซึ่งเป็นหมู่เกาะเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่เหนือปลายสุดของรัฐควีนส์แลนด์

คดีดังกล่าวดำเนินยาวนานเกือบหนึ่งทศวรรษ จนกระทั่งในปี 1992 ศาลสูงออสเตรเลียมีคำตัดสินครั้งสำคัญ รับรองว่าชาวเมอร์เรียมมีสิทธิความเป็นเจ้าของดั้งเดิม เหนือดินแดนของตน คำตัดสินนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เพราะเป็นการล้มล้างข้อกฎหมายที่ถือกันมายาวนานเกี่ยวกับ terra nullius ดินแดนว่างเปล่า

หลังคำตัดสินนี้ รัฐสภาออสเตรเลียได้ผ่านกฎหมาย Native Title Act 1993

นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น พอล คีทิง ได้กล่าวสุนทรพจน์ต่อประชาชนเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 1993 เพื่อชี้แจงท่าทีของรัฐบาลออสเตรเลียต่อคำตัดสินของศาลสูงในคดีมาบอ

“คำตัดสินของศาลนั้นยุติธรรมอย่างไม่ต้องสงสัย ศาลได้ปฏิเสธความเท็จและยอมรับความจริง ความเท็จนั้นคือ terra nullius ซึ่งเป็นเรื่องสมมติ ที่สะดวกต่อการอ้างว่าออสเตรเลียเป็นดินแดนที่ไม่มีใครครอบครอง ส่วนความจริงคือ ดินแดนแห่งนี้เคยเป็นของชาวอะบอริจินและชาวเกาะช่องแคบทอร์เรส และในบางพื้นที่ สิทธิทางกฎหมายเหนือผืนดินเหล่านั้นยังคงมีอยู่แม้ผ่านไปกว่า 200 ปี หลังการตั้งถิ่นฐานโดยชาวยุโรป”

สิทธิความเป็นเจ้าของดั้งเดิมหมายถึงอะไร?

สิทธิความเป็นเจ้าของดั้งเดิม คือการรับรองว่าชนพื้นเมืองบางกลุ่มยังคงมีสิทธิ์เหนือผืนดินและแหล่งน้ำของตน โดยอิงจากกฎหมายและขนบธรรมเนียมดั้งเดิมของพวกเขา สิทธิเหล่านี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่รัฐบาลมอบให้”หรือเกิดจากการเจรจา แต่เป็นสิทธิที่ได้รับการรับรองโดยศาลของออสเตรเลีย

สิทธิความเป็นเจ้าของดั้งเดิม มักถูกอธิบายว่าเป็น “ชุดของสิทธิ” (bundle of rights) เพราะประกอบด้วยสิทธิหลายประเภท ไม่ได้มีเพียงสิทธิเดียว สิทธิเหล่านี้อาจรวมถึงการใช้ที่ดินและแหล่งน้ำเพื่อการล่าสัตว์ หาปลา ประกอบพิธีกรรม และดูแลพื้นที่ทางวัฒนธรรมที่มีความสำคัญ

แนวคิดนี้ยอมรับสิทธิในลักษณะกลุ่มหรือส่วนรวม ที่มีรากฐานมาจากประเพณีและความเชื่อทางวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมานาน แตกต่างจากสิทธิในทรัพย์สินแบบเอกชนหรือเชิงพาณิชย์

อย่างไรก็ตาม สิทธิความเป็นเจ้าของดั้งเดิมนั้นได้มาแทนที่รูปแบบการใช้ที่ดินอื่น ๆ เช่น การทำฟาร์ม การทำเหมือง หรือกิจกรรมของรัฐบาลท้องถิ่น ในหลายพื้นที่

สิทธิความเป็นเจ้าของดั้งเดิมดำรงอยู่ควบคู่กับการใช้งานรูปแบบอื่น หมายความว่าชนพื้นเมืองมักต้องแบ่งปันสิทธิในที่ดินกับผู้ใช้งานรายอื่น เช่น เกษตรกร ผู้ประกอบการเหมืองแร่ หรือสภาท้องถิ่น

สำหรับชุมชนชาวอะบอริจินและชาวเกาะช่องแคบทอร์เรส สิทธิความเป็นเจ้าของดั้งเดิม มีความหมายมากกว่าการถือสิทธิในที่ดิน มันเกี่ยวข้องกับอัตลักษณ์ วัฒนธรรม และความเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน

ศาสตราจารย์ปีเตอร์ ยู นักวิชาการและเขายังเป็นผู้นำของชาวยาวารู (Yawuru) อธิบายว่า

“สิทธิความเป็นเจ้าของดั้งเดิม เปิดโอกาสให้ชุมชนสามารถปรับกรอบกติกาพื้นฐานที่กำกับความเป็นอยู่และความสัมพันธ์ของเราใหม่ได้ สำหรับชุมชนของผม มันยังเป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยฟื้นฟูการเรียนรู้ภาษา เพลง การเต้นรำ และองค์ความรู้ทางวัฒนธรรม ทำให้เรายังคงสืบสานและพัฒนาศักยภาพด้านการสืบทอดในครอบครัวและในกลุ่มชนเผ่าได้อย่างต่อเนื่อง”

GettyImages-830426724.jpg
นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย พอล คีทิง (ปี 1993)

เหตุใดสิทธิความเป็นเจ้าของดั้งเดิมจึงมีความซับซ้อน?

แต่การได้รับการรับรองสิทธิความเป็นเจ้าของดั้งเดิม ไม่ใช่เรื่องง่าย

การพิสูจน์สิทธิ์ต้องแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงกับผืนดินที่ยังคงดำรงอยู่ต่อเนื่อง ซึ่งมักยืนยันผ่านประวัติศาสตร์บอกเล่า เรื่องราว และหลักฐานที่ถ่ายทอดกันมาหลายชั่วอายุคน

อย่างไรก็ตามกระบวนการทางกฎหมายมีความซับซ้อนเพราะบางครั้งกฎหมายกับขนบธรรมเนียมดั้งเดิมของชนพื้นเมืองก็ไม่สอดคล้องกับระบบกฎหมายตะวันตกเสมอไป

กวินเนต โกวาร์ดาน ทนายความผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิความเป็นเจ้าของดั้งเดิมและกฎหมายมรดกทางวัฒนธรรม อธิบายถึงความท้าทายเหล่านี้ว่า

“เรากำลังพยายามวางวัฒนธรรมดั้งเดิมในกรอบกฎหมายสมัยใหม่ มันก็เหมือนพยายามยัดเยียดสิ่งหนึ่งเข้าไปซึ่งทำให้เกิดปัญหา เพราะระบบและกรอบกฎหมายที่เราพยายามจะใส่ลงไปนั้น ไม่ได้ถูกสร้างหรือออกแบบมาเพื่อรองรับวัฒนธรรมแบบนี้ตั้งแต่แรก”
Gwynette Govardhan.png
มาร์ลอน คุก (ซ้าย) และเดวิด ค็อกซ์ (‘บาร์นดู’) ผู้อาวุโสด้านกฎหมายดั้งเดิมของชุมชนยินฮาวังกา ร่วมกับกวินเนต โกวาร์ดาน บนดินแดนยินฮาวังกา ระหว่างการลงพื้นที่เพื่อรวบรวมหลักฐานทางวัฒนธรรม (เรื่องเล่าและร่องรอยบนผืนดิน)

พื้นที่ในออสเตรเลียที่อยู่ภายใต้สิทธิความเป็นเจ้าของดั้งเดิมมีมากน้อยเพียงใด?

แม้จะมีความท้าทาย แต่สิทธิความเป็นเจ้าของดั้งเดิม ก็ได้นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมและยั่งยืน

มันช่วยให้หลายชุมชนฟื้นฟูภาษา ฟื้นคืนวิธีการดูแลผืนดินและแหล่งน้ำแบบดั้งเดิม และเพิ่มบทบาทของชนพื้นเมืองในการตัดสินใจเกี่ยวกับดินแดนของตนเองมากขึ้น

ตั้งแต่มีการประกาศใช้กฎหมาย Native Title Act พื้นที่ที่ได้รับการรับรองเนทีฟไทเทิลครอบคลุมราวร้อยละ 40 ของออสเตรเลีย โดยส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ห่างไกลหรือพื้นที่ส่วนภูมิภาคที่ความเชื่อมโยงดั้งเดิมกับผืนดินยังคงสืบต่อกันมาได้

อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้แตกต่างจาก “การเป็นเจ้าของที่ดิน” ในความหมายทั่วไป

หากคุณอาศัยอยู่ในเมืองหรือเขตภูมิภาค เช่นเดียวกับผู้ย้ายถิ่นส่วนใหญ่ สิทธิความเป็นเจ้าของดั้งเดิม อาจไม่ส่งผลต่อชีวิตประจำวันของคุณโดยตรง แต่การเข้าใจเรื่องนี้คือก้าวหนึ่งของการเคารพและการปรองดอง

และนี่คือสิ่งที่กวินเนต โกวาร์ดานเน้นย้ำอีกครั้งว่า

“โดยภาพรวมแล้ว สิทธิและผลประโยชน์ตามสิทธิความเป็นเจ้าของดั้งเดิม ไม่ได้ส่งผลต่อผู้คนในระดับชีวิตส่วนตัว หลายคนคิดว่ามันจะมีผลต่อชีวิตประจำวันของพวกเขา แต่ในความเป็นจริง แต่ฉันไม่เห็นว่ามันจะไปกระทบในลักษณะนั้นได้”
Gwynette Govardhan.jpg
ภาพพื้นที่ Yinhawangka ในภูมิภาคพิลบารา ถ่ายโดยกวินเนต โกวาร์ดาน ระหว่างการลงพื้นที่เรียนรู้บนดินแดนดั้งเดิม

ทำไมสิทธิความเป็นเจ้าของดั้งเดิมจึงสำคัญต่อชาวออสเตรเลียทุกคน?

ดังที่อดีตนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย พอล คีทิง พอล คีทิงกล่าวไว้เมื่อพูดถึงคำตัดสินคดีมาบอ การนำสิทธิความเป็นเจ้าของดั้งเดิม เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของระบบการจัดการที่ดินของออสเตรเลีย

ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของความยุติธรรมต่อชนพื้นเมืองเท่านั้น แต่ยังเป็นก้าวสำคัญสำหรับชาวออสเตรเลียทุกคน เขากล่าวว่า

"เราสามารถก้าวข้ามไปมองคดีมาบอในฐานะโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่มันเป็นได้โอกาสในการแก้ไขความผิดพลาดทางประวัติศาสตร์ โอกาสในการก้าวข้ามประวัติศาสตร์แห่งการถูกช่วงชิงโอกาสในการฟื้นคืนสายสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างผืนดินกับวัฒนธรรมของชาวอะบอริจิน"

"โอกาสในการเยียวยาต้นตอของความเจ็บปวดและความขมขื่น โอกาสในการยอมรับวัฒนธรรมของชาวอะบอริจินว่าเป็นส่วนหนึ่งที่กำหนดความเป็นชาติของเรา และเพื่อยืนยันว่า ออสเตรเลีย ประเทศสมัยใหม่ที่เป็นอิสระ เปิดกว้าง และเคารพความหลากหลาย สามารถเป็นบ้านที่มั่นคงและอุดมสมบูรณ์สำหรับทุกคน รวมถึงชาวออสเตรเลียดั้งเดิมด้วย"
สำหรับชนพื้นเมืองจำนวนมาก สิทธิความเป็นเจ้าของดั้งเดิมไม่ใช่แค่กระบวนการทางกฎหมาย แต่เป็นวิธีรักษาเรื่องราวและมรดกของบรรพชนให้คงอยู่ต่อไป

สิทธิความเป็นเจ้าของดั้งเดิม ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ผ่านข้อตกลงใหม่ ๆ ที่กำลังกำหนดแนวทางการดูแลผืนดิน แหล่งน้ำ และมรดกทางวัฒนธรรม เพื่อส่งต่อให้คนรุ่นต่อไปทั่วประเทศ

แม้ สิทธิในที่ดินของชนพื้นเมือง (Land rights) สนธิสัญญาระหว่างรัฐกับชนพื้นเมือง (Treaty) สิทธิความเป็นเจ้าของดั้งเดิม (Native title)

จะมีกระบวนการทางกฎหมายและการเมืองที่แตกต่างกัน แต่จุดมุ่งหมายร่วมกันคือการรับรองความเชื่อมโยงของชนพื้นเมืองกับผืนดิน และสนับสนุนสิทธิกำหนดอนาคตของตนเอง

“เราจำเป็นต้องรักษาผืนดิน วัฒนธรรม ภาษา และชุมชนของเราให้มั่นคง ไม่ได้ปฏิเสธการพัฒนา แต่ทุกสิ่งต้องตั้งอยู่บนรากฐานเหล่านี้ก่อน” ศาสตราจารย์ปีเตอร์ ยู ทิ้งท้าย

ติดตามพอดแคสต์ Australia Explained เพื่อรับฟังข้อมูลและเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณปรับตัวและใช้ชีวิตใหม่ในออสเตรเลียได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น

หากมีคำถามหรือมีหัวข้อที่อยากให้เราจัดทำ ส่งอีเมลมาหาเราได้ที่ australiaexplained@sbs.com.a

ติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่ เว็บไซต์ หรือ Facebook และ Instagram

Share
Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand