รายงานสดจากชายแดนไทย–กัมพูชา: การสู้รบรุนแรงต่อเนื่อง ปชช. อพยพแล้วเกิน 5 แสนคน

Image.jfif

ชาวบ้านหลายแสนคนต้องอพยพมาอยู่ศูนย์ผู้อพยพ Credit: SBS/Claudia Farhart

เอสบีเอสไทยพูดคุยกับคลอเดีย ฟาร์ฮาต ผู้สื่อข่าวภาคสนามของเอสบีเอสนิวส์ ซึ่งรายงานจากพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา เพื่อติดตามสถานการณ์การสู้รบที่ทวีความรุนแรงและขยายวงกว้างต่อเนื่องและยังไม่มีทีท่าจะคลี่คลายท่ามกลางข่าวการยุบสภาของไทย


สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชารุนแรงต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 ชาวบ้านอพยพแล้วกว่าครึ่งล้านคน ขณะผู้สื่อข่าวเผยความรุนแรง “ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”

สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชายังคงทวีความรุนแรงต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 โดยการปะทะกระจายตัวมากกว่า 10 จุดตลอดแนวชายแดนยาวกว่า 700 กิโลเมตร และยังไม่มีสัญญาณว่าจะคลี่คลายในเร็ววัน

เอสบีเอสไทยสัมภาษณ์ คลอเดีย ฟาร์ฮาต ผู้สื่อข่าวภาคสนามของ SBS News ซึ่งรายงานจากจังหวัดสระแก้ว พบว่าการสู้รบครั้งนี้มีความรุนแรงมากกว่ารอบเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาอย่างชัดเจน

ความรุนแรงที่ “ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”

คลอเดียระบุว่า ชาวบ้านที่อาศัยริมชายแดนมาตลอดชีวิตและคุ้นชินกับความตึงเครียด บอกตรงกันว่าเสียงระเบิดและเสียงปืนใหญ่ในช่วง 2–3 วันที่ผ่านมา “หนักที่สุดเท่าที่เคยได้ยิน”

จนหลายครอบครัวต้องอพยพออกมาทันที นับเป็นครั้งแรกที่หลายคนต้องละทิ้งบ้าน และถึงขณะนี้ยังไม่ทราบว่าจะกลับได้เมื่อใด
Image (3).jfif
ภาพถ่ายบ้านเรือนที่เสียหาย ในอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ถ่ายเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2025 Credit: Khanit Utitabud
เธอรายงานอีกว่า พื้นที่พลเรือนได้รับผลกระทบทั้งสองฝั่งชายแดน บ้านเรือน โรงเรียน วัด และถนนได้รับความเสียหาย โรงพยาบาลบางแห่งต้องอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยง แม้ทั้งสองฝ่ายจะปฏิเสธว่าไม่ได้จงใจโจมตีพลเรือนก็ตาม

กองทัพไทยใช้การโจมตีทางอากาศ ส่วนกัมพูชาตอบโต้ด้วยปืนใหญ่ ขณะที่กองทัพไทยเคลื่อนรถถังเข้าใกล้ชายแดน ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเรื่องการยิงที่ไม่จำเพาะเจาะจงมากขึ้น
การอพยพครั้งนี้ครอบคลุมพื้นที่กว้างกว่าเดิม โดยยอดรวมสองฝั่งชายแดนทะลุ 500,000 คน แล้ว เพิ่มจากประมาณ 380,000 คนเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

โดยคลอเดียระบุว่า จุดที่มีการสู้รบรุนแรงที่สุดคือพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่กองทัพไทยพยายามควบคุม
Image (1).jfif
ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบและต้องอพยพมาอยู่ที่ศูนย์ผู็อพยพชั่วคราว ในจังหวัดสระแก้ว Credit: SBS/Claudia Farhart
ต้นเหตุของการปะทะยังไม่ชัดเจน เหตุการณ์เริ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเช้าวันจันทร์ หลังมีเหตุเล็ก ๆ ในวันอาทิตย์ ทั้งสองฝ่ายกล่าวหากันว่าเป็นผู้เปิดฉากยิงก่อน โดยยังไม่มีหลักฐานยืนยันข้อเท็จจริง

ต่างจากครั้งก่อนเมื่อเดือนกรกฎาคมที่สหรัฐ โดยประธานาธิบดีทรัมป์ กดดันให้เกิดการหยุดยิงสำเร็จ แต่ครั้งนี้ยังไม่เห็นสัญญาณการแทรกแซงจากต่างชาติที่มีผลต่อสถานการณ์

คลอเดียระบุว่า ระหว่างการเดินทางลงพื้นที่ เธอเห็นขบวนรถทหารไทยเสริมกำลังจำนวนมาก ซึ่งสะท้อนว่าเจ้าหน้าที่เองไม่คาดว่าสถานการณ์จะจบลงเร็ว ๆ นี้ รวมถึงเสียงสะท้อนจากผู้ลี้ภัยที่ก็เชื่อว่า “คงยังกลับบ้านไม่ได้ในระยะใกล้”

การเมืองไทยส่งผลต่อเหตุชายแดน?

ด้านการเมืองไทย การยุบสภาที่ประกาศวานนี้ (11 ธ.ค.) สร้างคำถามต่อจังหวะเวลาของเหตุปะทะ เนื่องจากปฏิบัติการทางทหารเริ่มต้นเพียงไม่กี่วันก่อนหน้านั้น นายกฯ อนุทินยืนยันว่าการเมืองไม่กระทบการปฏิบัติงานของกองทัพ

อย่างไรก็ตาม คลอเดียมองว่าท่าทีแข็งกร้าวของรัฐบาลในช่วงก่อนเลือกตั้งอาจมีผลทางการเมือง
โดยเฉพาะเมื่อกลุ่มชาตินิยมและฐานเสียงนิยมทหารมักตอบสนองต่อเหตุชายแดนอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคภูมิใจไทย

สถานการณ์ชายแดนยังไม่มีแนวโน้มว่าจะคลี่คลาย หากไม่มีการเจรจาโดยตรงหรือการไกล่เกลี่ยจากต่างประเทศที่มีน้ำหนักเพียงพอ

ติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่ เว็บไซต์ หรือ Facebook และ Instagram

Share
Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand