แมรี่ โทมัสมาพบกับเอสบีเอสไทยที่ห้องสมุดคาร์ลตันซึ่งอยู่ไม่ไกลจากใจกลางเมืองนครเมลเบิร์น
แมรี่แนะนำตัวว่าเธอเป็นบรรณารักษ์ของห้องห้องสมุดเทศบาลเมืองยาร์รา (City of Yarra Council) หรือที่เรียกว่าเครือห้องสมุดยาร์รา (Yarra Libraries) ที่มีทั้งหมดห้าสาขาด้วยกัน ได้แก่ Abbotsford, Carlton North, Fitzroy, North Fitzroy, และ Richmond
แต่ห้องสมุดแห่งนี้อาจไม่ใช่ห้องสมุดที่พวกเราคนไทยคุ้นเคยกัน ห้องสมุดที่แมรี่กำลังจะพาพวกเราไปรู้จักนั้นเป็นยิ่งกว่าสถานที่สำหรับยืมคืนหนังสือ
แต่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของชุมชนที่พร้อมจะสนับสนุนและช่วยเหลือคนทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะพูดภาษาอังกฤษหรือไม่ก็ตาม
“เป้าหมายของเราคือทำให้ทุกคนเข้าถึงบริการของห้องสมุดอย่างทั่วถึง ไม่ว่าคุณจะพูดภาษาอังกฤษหรือไม่ก็ตาม” แมรี่กล่าว
ตัวเลขจากปี 2021 ระบุว่ากลุ่มประชากรทั้งหมด 90,113 คนในเขตเทศบาลเมืองยาร์รานั้นมีผู้ที่เกิดนอกออสเตรเลียถึงร้อยละ 29 และมีประชากรที่พูดภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษที่บ้านกว่าร้อยละ 20 ของจำนวนผู้อยู่อาศัยทั้งหมด
ซึ่งก็สะท้อนภาพความหลากหลายของนครเมลเบิร์นได้เป็นอย่างดี ข้อมูลจากปีเดียวกันเปิดเผยว่าจากประชากรทั้งหมด 4.9 ล้านคนของเมลเบิร์น มีผู้ที่เกิดนอกออสเตรเลียกว่าร้อยละ 35.7 และมีผู้ที่ใช้ภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษที่บ้านถึงร้อยละ 34.1

แมรี่เป็นบรรณารักษ์ของห้องห้องสมุดเทศบาลเมืองยาร์รา Credit: Mary Thomas
“พวกคุณบอกเราได้ว่าคุณมีความต้องการแบบไหน เราอาจจะไม่รู้จักวัฒนธรรมไทยมากนัก แต่สอนเราเถอะ บอกให้เรารู้ว่าเราจะให้บริการคนไทยได้อย่างไร”
แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ความต้องการของคนในชุมชนจึงไม่ได้หยุดอยู่แค่หนังสือ แมรี่อธิบายว่าห้องสมุดของเธอให้บริการที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองรุ่นใหม่
ห้องสมุดยาร์ราในเครือทั้งห้าแห่งมอบบริการที่ออกแบบเพื่อเด็กเล็ก เด็กวัยประถม ไปจนถึงพ่อแม่ และผู้สูงอายุที่อาศัยในชุมชน
ห้องสมุดไม่ใช่แค่สถานที่สำหรับยืมคืนหนังสือ เราให้บริการมากมาย มีโครงการ มีงานอีเว้นท์ให้ทุกคน โดยเฉพาะคนที่มีพื้นเพหลากหลายชนชาติแมรี โทมัส
นอกจากความบันเทิงด้านการอ่าน ห้องสมุดหลายแห่งทั่วออสเตรเลียยังจัดรอบภาพยนตร์นอกกระแสให้ดูได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย อย่างเช่นที่เครือห้องสมุดยาร์ราที่สรรหาภาพยนตร์จากทั่วโลกที่เล่นประเด็นหลากหลายมาให้ได้ชมในเมลเบิร์น
“เรามีโปรแกรมฉายหนังที่มุ่งเสนอภาพยนตร์จากหลากหลายภาษา เราพยายามหาภาพยนตร์จากทั่วทุกมุมโลกมาฉาย หนังเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศจากสเปน หนังจากไนจีเรีย แคนาดา สหรัฐฯ อิสราเอล ปาเลสไตน์ หรือซีเรีย เราอยากมั่นใจว่าทุกๆ ปี เราได้ฉายหนังของทุกๆ ชุมชน”

ห้องสมุดยังเป็นสถานที่สร้างแรงบันดาลใจและพื้นที่เรียนรู้ให้กับเด็กๆ ที่มีครอบครัวอพยพมาจากประเทศอื่นๆ Credit: Yarra City Council
เครือห้องสมุดยาร์รามีหนังสือนิทานสองภาษาที่พ่อแม่สามารถอ่านให้ลูกฟังและแปลเป็นภาษาอังกฤษได้ในเวลาเดียวกันและยังมีกิจกรรมร้องเพลงสำหรับเด็ก (rhymetime) และกิจกรรมเล่านิทานภาษากรีก
แต่ที่สำคัญกว่านั้น เครือห้องสมุดยาร์รายังมีกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้เล่นและเรียนทักษะวิชาต่างๆ ที่เรียกว่า STEAM Labs (Science, Technology, Engineering, Arts and Maths)
ซึ่งครอบคลุมทักษะจากหมวดวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวะกรรม ศิลปะ และคณิตศาสตร์ ประกอบไปด้วยกิจกรรมประดิษฐ์สิ่งของ วาดรูป ต่อของเล่นเสริมพัฒนาการ ไปจนถึงเล่นวิดิโอเกม ตัดต่อวิดิโอ ตัดต่อภาพ และการเขียนโปรแกรม
“วิชาบรรณารักษศาสตร์อาจจะสอนให้คุณรู้จักวิธีจัดการทรัพยากรห้องสมุด แต่นั่นก็แค่หลักทางทฤษฎี สำหรับฉันแล้วผู้คนที่มาใช้บริการห้องสมุดนั้นสำคัญกว่ามาก และจะต้องมีทักษะที่จะสื่อสารกับพวกเขา"
"เรามีสมาชิกห้องสมุดตั้งแต่ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยไปจนถึงคนที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ คนเป็นบรรณารักษ์จะต้องใช้ทักษะเชิงทฤษฎีและประยุกต์ให้คนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงทรัพยากรได้อย่างทั่วถึง”
ห้องสมุดสาธารณะยังเป็นตัวเชื่อมระหว่างคนในชุมชนและโลกรอบตัว นอกจากจะมีหนังสือพิมพ์ฟรีให้อ่าน ก็ยังมีอินเตอร์เน็ตและหนังสือในศาสตร์สาขาต่างๆ ให้ประชาชนได้เข้ามาอ่านและยืมกลับบ้าน
การมีทรัพยากรความรู้ที่เข้าถึงได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย สามารถช่วยพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพิ่มทักษะสำหรับชีวิตและสำหรับตลาดแรงงาน และยังเชื่อมต่อคนในชุมชนให้ได้รู้จักกันเมื่อมาทำกิจกรรมร่วมกันอีกด้วย
พื้นที่ปลอดภัยสำหรับพ่อแม่มือใหม่
แมรี่เล่าประสบการณ์ของเธอให้ฟังว่ามีผู้ปกครองหลายคนเข้ามาขอความช่วยเหลือจากบรรณารักษ์ห้องสมุด ตั้งแต่กลุ่มแม่ๆ ชาวตะวันออกกลางที่มาตามหาหนังสือเกี่ยวกับฟุตบอลให้ลูกชายแม้ว่าพวกเธอจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้
พ่อแม่ที่พาลูกเล็กมาร่วมกิจกรรมฟังนิทานหรือร้องเพลงกลอนเด็ก และคุณแม่ที่มาเคาะประตูห้องสมุดตอนเช้าตรู่ด้วยสภาพคล้ายคนอดนอน
“การเป็นพ่อแม่ที่ต้องเลี้ยงลูกในเมืองใหญ่นั้นไม่ง่าย โดยเฉพาะพ่อแม่ที่ต้องทำงานเต็มเวลาทั้งคู่” แมรี่ให้ความเห็น “เราอยากให้พวกเขารู้สึกว่าห้องสมุดคอยประคับประคองพวกเขาอยู่ ให้รู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้ผจญเส้นทางการเลี้ยงลูกอย่างโดดเดี่ยว”

คุณนวลอนงค์ เศรษฐศรีดำรง (นวล) อาจารย์วิชาล่ามและการแปลมหาวิทยาลัย RMIT เล่าว่าเธอก็เป็นหนึ่งในคุณแม่ที่เคยพาลูกไปใช้บริการกิจกรรมสำหรับเด็กที่ห้องสมุดสาธารณะ Credit: Nuananong Sethasridumrong
เธอก็เป็นหนึ่งในคุณแม่ที่เคยพาลูกไปใช้บริการกิจกรรมสำหรับเด็กที่ห้องสมุดสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมเล่านิทาน (storytime) กิจกรรมร้องเพลง (rhymetime) และกิจกรรมประดิษฐ์ประดอย (art and craft)
กลุ่มแม่ๆ ที่ไปก็มีหลากหลายเชื้อชาติ หลากหลายวัฒนธรรม เราไปแล้วเราไม่ได้รู้สึกว่าเราแตกต่างหรือเรานอกพวก”นวลอนงค์ เศรษฐศรีดำรง
คุณนวลยังอธิบายอีกว่าห้องสมุดสาธารณะของออสเตรเลียนั้นออกแบบให้เป็นมิตรกับผู้ใช้งานทุกวัย
ซึ่งอาจแตกต่างจากบรรยากาศห้องสมุดที่คนไทยคุ้นเคยกันว่าคนไปห้องสมุดจะต้องนั่งอ่านหนังสือเงียบๆ และไม่มีกิจกรรมอื่นๆ ในห้องสมุดเลย
อ่านเพิ่มเติม

ห้องสมุดที่มีสิ่งของให้ยืมแทนหนังสือ
โดยเฉพาะพื้นที่สำหรับเด็กๆ ที่สามารถใช้เสียงได้ ซึ่งอนุญาตให้ผู้ปกครองได้พาเด็กๆ ไปเล่นด้วยกัน หรือได้ทำความรู้จักกับผู้ปกครองคนอื่นๆ พ่อแม่ก็มีโอกาสได้พบปะสังสรรค์กันจากห้องสมุดอีกด้วย
“มันเป็นสถานที่ที่เรารู้สึกปลอดภัย ลูกเราได้ความรู้และได้สังคมด้วย แล้วพ่อแม่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าต้องเลี้ยงลูกเหงาอยู่บ้านคนเดียว ยังมีสถานที่ที่เราพาลูกไปได้แล้วไม่มีค่าใช้จ่ายด้วย บรรณารักษ์ก็ต้อนรับเรา ดูแลเรา ไม่ได้แบ่งแยกว่าเราไม่ใช่ฝรั่งแล้วจะได้รับการปฏิบัติที่แปลกไปจากคนอื่น” คุณนวลเล่า
คุณนวลยังย้ำอีกว่าการปลูกฝังการรักการอ่านในวัยเด็กเป็นเรื่องสำคัญ และสามารถเริ่มต้นได้ที่ห้องสมุดสาธารณะใกล้บ้าน ซึ่งออกแบบกิจกรรมสำหรับเด็กและผู้ปกครองใกล้เคียงกันทุกแห่ง
ตั้งแต่เด็กเล็กไปจนถึงช่วงวัยรุ่น ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้รู้จักการเรียนรู้ในแง่มุมต่างๆ และได้เป็นส่วนร่วมของกิจกรรมในชุมชน
การมีห้องสมุดที่จัดสรรทรัพยากรให้ทั่วถึงสำคัญอย่างไรกับชุมชน
ในงานวิจัยทฤษฎีทางสังคมที่ตีพิมพ์เป็นหนังสือชื่อ The Spirit Level: Why More Equal Societies Almost Always Do Better เขียนโดย Richard G. Wilkinson และ Kate Pickett ได้กล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า
ในสังคมที่มีระบบสวัสดิการที่แข็งแรง เช่น ระบบห้องสมุดสาธารณะที่ทั่วถึง สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนได้หลากหลายวิธี โดยเฉพาะเด็กนักเรียนที่มาจากครอบครัวรายได้ต่ำ
จากรายงานของมูลนิธิ Telstra บริษัทโทรคมนาคมเจ้าใหญ่ของออสเตรเลีย ระบุว่าร้อยละ 19 ของเยาวชนชาวออสเตรเลียไม่มีคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะหรือคอมพิวเตอร์พกพาที่บ้าน ตีเป็นตัวเลขถึง 1.1 ล้านคน
ในปี 2017 องค์กรไม่แสวงผลกำไรด้านการศึกษา The Smith Family เปิดเผยว่าเด็กชาวออสเตรเลียอายุระหว่าง 5 ถึง 14 ปี ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ด้อยโอกาส มีอินเตอร์เน็ตใช้ที่บ้านเพียงร้อยละ 68 เท่านั้น
นับว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับเด็กวัยเดียวกันที่อาศัยในชุมชนที่มีรายได้สูง ซึ่งมีสัดส่วนอินเตอร์เน็ตใช้ที่บ้านถึงร้อยละ 91
การมีห้องสมุดสาธารณะที่ทั่วถึงเปิดโอกาสให้เยาวชนได้ใช้คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตโดยไม่มีค่าใช้จ่าย และยังสามารถนั่งทำงาน ทำการบ้าน หรืออ่านหนังสือได้ทั้งวันโดยไม่ต้องใช้ไฟฟ้าหรือเครื่องปรับอากาศที่บ้าน
เด็กนักเรียนที่มาจากครอบครัวรายได้ต่ำก็สามารถเข้าถึงทรัพยากรหนังสือ ภาพยนตร์ เพลง อินเตอร์เน็ต ได้เท่าเทียมมากกว่าเด็กนักเรียนที่ไม่มีบริการของห้องสมุดรองรับเลย ซึ่งอาจเป็นกลุ่มที่ไม่มีแรงสนับสนุนด้านการศึกษา ขาดแคลนอุปกรณ์ และไม่มีพื้นที่ส่วนตัวในบ้าน

ณิชากร (ดรีมมี่) ศรีสุภรวงศ์ นักศึกษาปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยสวินเบิร์น ให้ความเห็นว่าห้องสมุดสาธารณะในออสเตรเลียนั้นมีความสำคัญอย่างมากต่อนักเรียนทุกชั้นวัย Credit: Nichakorn Srisupparawong
“ห้องสมุดที่นี่ให้บริการหลากหลาย มีมุมนั่งทำงาน มุมอ่านหนังสือ มุมสำหรับเด็ก มีมุมนิทรรศการ” ดรีมมี่บอก “เรามองว่ามันเป็นพื้นที่ที่เราไม่ต้องเสียค่าเข้า มันมีทรัพยากรที่เราสามารถใช้เพื่อการศึกษาของเรา”
ติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่ เว็บไซต์ หรือ Facebook และ Instagram