Thai Voice: เรื่องของ ‘บี’ กับประสบการณ์ความรุนแรงในครอบครัวที่หลายคนไม่กล้าเล่า

Green BG.jpg

จากผลสำรวจล่าสุดพบว่าในออสเตรเลียผู้หญิง 1 ใน 5 เคยเผชิญความรุนแรงในครอบครัวอย่างน้ิยหนึ่งครั้งในช่วงชีวิตของพวกเธอ Credit: Jason Leung/unsplash/supplied

ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย. มีการรณรงค์ 16 วันแห่งการเคลื่อนไหวเพื่อขจัดความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กสากล เอสบีเอสไทยคุยกับ บี หญิงไทยในรัฐวิกตอเรีย เธอเปิดเผยประสบการณ์การเป็นเหยื่อที่รอดจากความรุนแรงทั้งทางร่างกาย สังคม การเงิน จากอดีตสามี พร้อมคำแนะนำและกำลังใจกับผู้ที่ยังอยู่ในวังวนของความรุนแรง


ในห้องครัวหลังเลิกงานของบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ส่วนภูมิภาคของรัฐวิกตอเรีย ความขัดแย้งกลายเป็นเสียงทะเลาะที่ค่อยๆ สะสมกลายเป็นความกดดันที่ไร้ทางออก

“บี” หญิงไทยที่เดินทางมายังออสเตรเลียเกือบ 10 ปีก่อนด้วยความหวังจะสร้างครอบครัวใหม่กับคนรักต่างชาติ แต่เธอไม่รู้เลยว่าเส้นทางชีวิตในต่างประเทศไม่ได้เหมือนกับภาพที่เธอวาดไว้

เธอเปิดใจเล่าให้เอสบีเอสไทยฟังว่า

“รู้จักกับแฟน แล้วเขาเป็นคนต่างชาติคนแรกที่เราคบ พอเรามาออสเตรเลียด้วยวีซ่าท่องเที่ยว แล้วก็แต่งงานกันที่นี่ เราก็คิดว่าวัฒนธรรมเราต่างกัน ก็ต้องปรับตัว

"แต่พออยู่ด้วยกันไปสักพัก ถึงรู้ว่าเขาไม่ใช่อย่างที่เราหวัง” บีเล่าย้อนถึงจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ความจริงค่อย ๆเผยตัว

บีเล่าว่าอดีตสามีควบคุมให้เธอทำทุกอย่าง อย่างที่เขาอยากให้เป็น ไม่ว่าจะเป็นการห้ามเธอคบกับเพื่อน ไม่ให้เธอมีสังคมของตนเองจนถึงการควบคุมรายได้ทุกดอลลาร์ บี เปิดเผยว่า

“เราทำงานโรงงาน พอเงินเดือนรอบแรกออก เขาเอาของเราไปซื้อของเข้าบ้านหมดเลย เราไม่สามารถใช้จ่ายส่วนตัวได้ ไม่สามารถส่งให้พ่อแม่ที่บ้านได้ ทั้งที่มันเป็นเงินของเรา” เธอกล่าว

บีเชื่อว่าการอยู่เป็นครอบครัวคือการช่วยเหลือจุนเจือกัน เธอใช้เงินของเธอซื้อของเข้าบ้าน เขาใช้เงินของเขาผ่อนบ้านที่เธอคิดว่าเป็นสมบัติร่วมกัน เธอจึงไม่คิดตั้งคำถามมากเกินกว่านั้น

หากแต่การควบคุมเริ่มขยายขอบเขตขยายจากสังคม สู่การเงิน จนกระทั่งอำนาจความของความสัมพันธ์ระหว่างลูกๆ ของพวกเขา

บีเล่าว่าหนึ่งในเหตุการณ์ที่เธอ “ไม่มีวันลืม” คือวันที่อดีตคู่ชีวิตบังคับให้ลูกชายของเธอ “กินดอกผักกาดที่เพิ่งทิ้งลงถังขยะ”

“เขาไปเก็บมาจากในถังขยะล้างแล้วบังคับให้ลูกกินทั้งน้ำตาต่อหน้าลุกของเขา” บี เล่า

จากสนามอารมณ์สู่ความรุนแรงทางร่างกาย

นอกจากเธอสถานการณ์ที่เธอโดนควบคุมหลายทาง หนักเข้าก็กลายเป็นการทำร้ายร่างกาย

บีเล่าเหตุการณ์หนึ่งในครัว ที่เธอกำลังนั่งอ่านข้อมูลในกลุ่มคนไทยเกี่ยวกับขั้นตอนยื่นวีซ่า คู่ชีวิตของเธอเข้าใจผิดคิดว่าเธอต้องการ “ใช้เขาเป็นทางลัด”

เธอพยายามอธิบายอย่างใจเย็นว่าเพียงเล่าเรื่องที่อ่านมา แต่กลับถูกทำร้ายร่างกาย
เขาหันกลับมาผลักหนูชนกับประตูในครัว หนูร่วงไปกองกับพื้นต่อหน้าลูก
บี เล่า
บีไม่รู้จะทำอย่างไร จึงหยิบกุญแจรถและออกจากบ้าน พอเธอหายไปนาน เขาจึงโทรกลับมาง้อให้กลับบ้าน บ้านที่เธอรู้สึกไม่ปลอดภัยอีกต่อไป

ความสัมพันธ์ที่ถูกควบคุมด้วยสถานะวีซ่า

สิ่งที่ผู้ย้ายถิ่น และผู้หญิงต่างชาติที่แต่งงานกับชาวออสเตรเลียรู้สึกไม่มั่นคง คือสถานะวีซ่าที่ผูกอนาคตของตนไว้กับผู้สนับสนุน (sponsor)

“ผู้ชายจะรู้สึกว่าเขามีพาวเวอร์ เขาเป็นสปอนเซอร์ เขาจะทำยังไงกับเราก็ได้ เราคือลูกไก่ในกำมือของเขา” บีกล่าว

วันที่เธอป่วยและเขาไล่เธอออกจากบ้าน เขาบอกเธอว่าเขาเขียนจดหมายส่งถึง Department of Home Affairs เพื่อ ขอยกเลิกการเป็นผู้สนับสนุนวีซ่าของเธอและลูกและขอให้ส่งเธอออกนอกประเทศ

เมื่อเธอเห็นอีเมลฉบับนั้น บีบอกว่ามันเจ็บ เสียใจจนไม่พูดไม่ออก

"พอเห็นจดหมายที่เขาเขียน มันเจ็บ จนไม่รู้จะเจ็บยังไง เจ็บจนไม่มีน้ำตาจะไหลออกมา"

ไม่เพียงเท่านั้นจากเหตุการณ์นี้ยังทำให้เธอรู้ว่า บ้านที่เธอคิดว่าเป็นบ้านของครอบครัวนั้น มันไม่เคยมีอยู่จริง

บีอธิบายว่า ตั้งแต่วันที่เธอเข้ามาในออสเตรเลียโดยที่ตอนนั้นยังไม่เข้าใจภาษาอังกฤษมากนัก เขาพาไปเปิดบัญชีธนาคาร พาไปกรอกแบบฟอร์ม และให้เซ็นในเอกสารที่เขาบอกว่าเป็น “เอกสารเจ้าของบ้านร่วม” แต่เมื่อเวลาผ่านไป เธอพบว่ามันคือเอกสารที่ทำให้เธอ “ไม่มีสิทธิ์ในบ้านของครอบครัว”
เขาหลอกให้หนูเซ็นเอกสารนั้นเขาบอกว่าหนูยินยอมที่จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบ้านหลังนั้น
บี เปิดเผย
Bee edited.jpg
บีเผยอยากให้เรื่องของเธอเป็นแรงบันดาลใจและเป็นกำลังใจให้กับผู้หญิงหลายๆ คนที่ยังอยู่ในวังวนของความรุนแรงในครอบครัว Credit: Supplied

วันที่กล้าลุกขึ้นยืน

บีเล่าถึงเหตุการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งว่า ในช่วงที่เธอไม่สบายและต้องได้รับการผ่าตัด แต่เมื่อกลับมาพักฟื้นที่บ้านได้เพียงสิบวัน

เธอจำได้ดีว่าความเจ็บปวดจากแผลผ่าตัดยังไม่หายดี แต่ในเช้าวันนั้น เธอถูกยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งพร้อมคำสั่งให้ย้ายออกจากบ้านที่เธอคิดว่าเป็นของครอบครัว

“หนูยังเดินไม่ได้เลยค่ะ เลือดตรงแผลมันยังซึม เขาให้หนูกับลูกออกจากบ้านทันที” บีเล่า

เธอไม่รู้จะทำอย่างไร จึงเดินออกจากบ้านเดินไปยังทะเลสาบ และนั่งลงร้องไห้ใต้ต้นไม้ เธอถามตัวเองว่า “จะพาลูกไปอยู่ที่ไหน เงินก็ไม่มี”

ไม่นานหลังจากนั้น หญิงชราเพื่อนบ้านที่เดินผ่านเห็นเธอนั่งร้องไห้ใต้ต้นไม้ก็เข้ามาถามไถ่ เธอบอกให้บีเล่าความจริงและพาบีกลับไปที่บ้าน แจ้งให้สามีซึ่งเป็นอดีตตำรวจมาฟังเรื่องราวทั้งหมด ก่อนตัดสินใจโทรหาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยังปฏิบัติงานอยู่เพื่อขอความช่วยเหลือ

“เขาบอกหนูว่า ห้ามย้ายออกไปไหน ให้รอ เดี๋ยวเขาจะเริ่มดำเนินการให้” บีกล่าว
การประสานงานเริ่มต้นขึ้นทันที เจ้าหน้าที่ได้ทำการติดต่อมาและช่วยหาบ้านใหม่ให้บีและลูกมีที่พักที่ปลอดภัย การย้ายออกในครั้งนั้นเป็นการจบความสัมพันธ์อย่างสิ้นเชิง แต่ก็ไม่ใช่จุดจบของการคุกคาม

“เขายังตามมาหาหนู เช้าก็มาหา เย็นก็มาหา แอบมาตัดหญ้าให้ พอเขาอยากได้อะไร เขาก็บอกว่าเรายังเป็นสามีภรรยากันอยู่ แต่พอเขากลับบ้านเขา เขาก็บอกว่าความสัมพันธ์เราจบแล้ว” บีเล่า

ความสับสนและกังวลกับความไมาแน่นอนของสถานะวีซ่าที่ต้องขึ้นอยู่กับผู้ที่เป็นสปอนเซอร์ ทำให้บีเกือบซื้อตั๋วกลับไทย

แต่เธอได้ลองโพสต์เรื่องราวของเธอในกลุ่มคนไทย หลังจากนั้นจึงมีคนติดต่อเข้ามาเพื่อช่วยเหลือประสานกับหน่วยงานด้านความรุนแรงในครอบครัว

“พี่เขาบอกว่า ใจเย็นๆ เราแจ้งกับกับองค์กรต่างๆ กับอิมมิเกรชันได้ เดี๋ยวพี่จะช่วยประสานงาน” บีเล่า

เอกสารทางการแพทย์ หลักฐานรอยฟกช้ำ บันทึกการพบแพทย์ และข้อมูลจากหน่วยงานสนับสนุน ล้วนถูกนำมาประกอบคำชี้แจงต่อทางการ เธอบอกกับเอสบีเอสไทยว่า ในวันที่มืดมนที่สุด ลูกคือพลังใจเดียวของเธอที่ทำให้ไปต่อ
คิดถึงลูกค่ะ เราพาเขามาแล้ว เราต้องสู้เพื่อลูกเดินต่อไปให้ได้
บี กล่าว
วันนี้บีและลูกได้รับสถานะที่มั่นคงแล้ว เธอบอกว่ามันคือชัยชนะต่อตัวเอง

“ดีใจที่วันนั้นไม่ยอมแพ้ค่ะ มันเหมือนเราถือธงชัยชนะได้ด้วยตัวเอง”

บีบอกกับเราว่า อยากให้เรื่องของเธอเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงหลายๆคนที่ยังอยู่ในวังวนของความรุนแรงในครอบครัว เธอบอกว่าทุกเรื่องมีทางออกเสมอ และทุกชีวิตมีค่าเกินกว่าที่จะให้ใครมาเหยียบย่ำภายใต้กรงของความรัก

ฟังเรื่องราวของบีได้ที่นี่:

หากคุณตกอยู่ในอันตราย สามารถติดต่อที่หมายเลข 000

หากคุณต้องการความช่วยเหลือและหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความรุนแรงในครอบครัว คุณสามารถติดต่อหน่วยงานต่างๆ ได้ 24 ชั่วโมง โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายและคุณสามารถขอใช้บริการล่ามได้ที่

1800 Respect ที่ 1800 737 732 (ทั่วประเทศ)

ติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่ เว็บไซต์ หรือ Facebook และ Instagram

Share
Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand