The Big Brief: การช้อปปิง Black Friday ส่งผลอะไรต่อสมองของคุณและจะควบคุมตัวเองอย่างไร

ALC THAI THE BIG BRIEF - BSP HEADER (1).jpg

Credit: Andrew Matthews/PA

คุณอาจจะรู้สึกว่าการชอปปิงช่วง Black Friday เป็นเทศกาลแห่งการประหยัดเงิน แต่จริง ๆ แล้วเทศกาลนี้เป็นการตอบสนองต่อพฤติกรรมมนุษย์และการทำงานของสมองอย่างไร


ทุกเดือนพฤศจิกายน แบล็กฟรายเดย์จะมาพร้อมคำโฆษณาว่าลดเยอะลดหนักและมีดีล “เฉพาะวันนี้เท่านั้น” เราถูกถาโถมด้วยข้อเสนอที่ดูคุ้มเกินกว่าจะปล่อยผ่านไปได้ แต่เบื้องหลังแคมเปญโฆษณาเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ถูก“คำนวณไว้แล้ว”

แบล็กฟรายเดย์ไม่ใช่แค่วันลดราคา (ที่ตอนนี้ลากยาวเป็นเกือบสองสัปดาห์แล้ว)
แต่มันคือการตลาดเชิงจิตวิทยาที่ตั้งใจออกแบบมาเพื่อให้ทำงานสอดคล้องกับวิธีที่สมองเกี่ยวกับวิธีที่เราตัดสินใจ

การเข้าใจหลักวิทยาศาสตร์บางอย่างเบื้องหลังกลยุทธ์เหล่านี้ จะช่วยให้เรารู้ทันว่าเมื่อไหร่เรากำลังถูกล่อลวงให้จ่ายเงินมากกว่าที่ตั้งใจไว้

รีบซื้อ ช้าหมดอดนะ

เวลาที่เราต้องตัดสินใจระหว่างตัวเลือกต่าง ๆ เช่น จะซื้อทีวีใหม่ดีไหม สมองของเราจะชั่งน้ำหนักข้อมูลหลักฐานต่างๆ ทั้งข้อดีและข้อเสียของแต่ละตัวเลือก เราดูราคา รายละเอียด รีวิว และงบประมาณของตัวเอง พอรู้สึกว่ามีข้อมูลพอแล้ว เราจึงตัดสินใจ

ตามปกติ กระบวนการนี้ต้องใช้เวลา ยิ่งเป็นการตัดสินใจเรื่องสำคัญ เราก็ยิ่งอยากหาข้อมูลมากขึ้น

แต่เมื่อเราอยู่ภายใต้แรงกดดัน ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป สมองจะลด “ระดับข้อมูลขั้นต่ำ” ที่ต้องการก่อนจะตัดสินใจลง พูดง่าย ๆ คือ ยิ่งถูกเร่งเวลา เราก็ยิ่งตัดสินใจเร็วขึ้น และใช้ข้อมูลอ้างอิงน้อยลง

บางครั้งสิ่งนี้ก็มีประโยชน์ เช่น ถ้ามีแมงมุมตกใส่แขน เราจะปัดมันออกก่อนที่จะทันคิด

แต่ในช่วง Black Friday มีการใช้กลไกการตัดสินใจเร็วแบบเดียวกันนี้ซึ่งสามารถทำให้เราซื้อของแบบหุนหันพลันแล่นได้ง่ายมาก

จะหมดสต็อกแล้ว

นอกจากการสร้างรู้สึกเร่งด่วนแล้ว แบล็กฟรายเดย์ยังใช้กลยุทธ์ “ความหายาก” (scarcity) มาช่วยกระตุ้นให้เราซื้อของด้วย เรารู้ว่าช่วงลดราคามีเวลาไม่นาน และมีคนกำลังช้อปพร้อมกันจำนวนมาก สิ่งนี้ทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนกำลังแข่งขันกันอยู่ ถ้าไม่รีบ เราอาจพลาดของดีไป

ตอนที่เรากำลังดูทีวีบนเว็บไซต์ มันขึ้นว่า “เหลือเพียง 8 เครื่องเท่านั้น” หรือ “มี 12 คนใส่สินค้านี้ไว้ในตะกร้าแล้ว” ทันทีที่เห็น เราจะรู้สึกเหมือนกำลังแข่งกับใครสักคนอยู่ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เราอาจไม่ได้คิดจะรีบซื้อเลย แต่กลับรู้สึกถูกผลักให้ต้องกดใส่ตะกร้าก่อนที่จะไม่ทันคนอื่น

ความรู้สึกว่าของมีจำนวนจำกัดนี้ ทำให้สมองของเราประมวลผลข้อมูลต่างไปจากเดิม เมื่อเราคิดว่าอะไรสักอย่าง “ใกล้หมด” เรามักจะให้มูลค่ามันสูงขึ้นโดยอัตโนมัติ เหมือนกับว่าของนั้นต้องดีจริงเพราะมีคนอื่นกำลังต้องการเหมือนกัน

ฉันคิดอะไรอยู่เนี่ย?

เวลาที่เราตัดสินใจอย่างรวดเร็ว สมองจะใช้ข้อมูลน้อยลงและมีโอกาสผิดพลาดมากขึ้น ปรากฏการณ์นี้ในจิตวิทยาเรียกว่า speed-accuracy trade-off ยิ่งเร็ว ก็ยิ่งเสี่ยงพลาด

เมื่อถูกบีบด้วยเวลา สมองจะพยายามหาทางลัดเพื่อประเมินตัวเลือก เช่น ดูว่ามีกี่คนกำลังเปิดดูสินค้าชิ้นนั้นอยู่ แต่ข้อมูลแบบนี้อาจไม่มีประโยชน์เท่ารายละเอียดอย่างคุณภาพสินค้า ระยะเวลารับประกัน หรือความคุ้มค่าในระยะยาว

การบอกว่าสินค้ามีจำนวนจำกัด ยังทำให้เราไม่อยากหาข้อมูลเพิ่มด้วย เพราะถ้าของใกล้หมด การใช้เวลาเปรียบเทียบราคาหรืออ่านรีวิวอาจดูเสี่ยง เรากลัวว่าของจะหมดก่อนระหว่างที่เรายังคิดไตร่ตรองอยู่

สมองของเราชอบผลลัพธ์ที่คาดเดาได้ และพยายามหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่ไม่จำเป็น ดังนั้น แทนที่จะหาข้อมูลเพิ่ม เราจึงมักจะรีบตัดสินใจ

จริง ๆ แล้ว การตัดสินใจเร็วไม่ใช่เรื่องผิดเสมอไป บางครั้งมันช่วยประหยัดเวลา หรือป้องกันอันตรายได้ เช่น การรีบอพยพเมื่อได้ยินสัญญาณเตือนไฟไหม้ แม้เราจะไม่แน่ใจว่ามีไฟไหม้จริงหรือไม่ก็ตาม

แต่ในช่วงแบล็กฟรายเดย์ ร้านค้าตั้งใจสร้าง “ความเร่งด่วนปลอม ๆ” ขึ้นมา ทั้งนาฬิกานับถอยหลัง ป้าย “ของใกล้หมด” หรือ “เฉพาะวันนี้เท่านั้น” ทั้งหมดถูกออกแบบมาให้เลียนแบบสถานการณ์ขาดแคลนจริง ทำให้สมองของเราทำงานหนักผิดปกติ

และเมื่อความรู้สึกเร่งด่วนเริ่มขึ้น การคิดอย่างมีเหตุผลก็มักจะหายไป เราไม่ถามตัวเองว่า “เราจำเป็นต้องมีมันไหม?” แต่กลับคิดเป็น “ถ้าพลาดไปจะทำยังไง?” ผลลัพธ์คือ เราอาจลงเอยด้วยการซื้อทีวีใหม่ที่ดีกว่าเครื่องเดิมแค่นิดเดียว
แบล็กฟรายเดย์อาจให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเทศกาลแห่งการประหยัด แต่จริง ๆ แล้วมันคือการเล่นกับศาสตร์ด้านพฤติกรรมมนุษย์และการทำงานของสมอง

นาฬิกานับถอยหลัง และป้าย “เหลือแค่ 3 ชิ้น” ล้วนถูกออกแบบมาอย่างจงใจเพื่อดึงความสนใจของคุณ และเร่งให้คุณตัดสินใจให้เร็วที่สุด หากคุณรู้ทันกลยุทธ์เหล่านี้ จะช่วยให้คุณควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น

4 วิธีช่วยให้คุณ “ไม่หลุดคอนโทรล” เวลาช้อปปิ้ง

1. วางแผนล่วงหน้าก่อนจะถูกกดดัน
หาข้อมูลว่าอะไรที่คุณต้องการจริง ๆ มาก่อนล่วงหน้า และเก็บรายละเอียดให้ครบก่อนถึงช่วงลดราคา วิธีนี้ช่วยมากเมื่อสมองต้องตัดสินใจภายใต้ความกดดันเรื่องเวลา

2. ตั้งงบประมาณและทำให้มองเห็นชัด ๆ
กำหนดไว้เลยว่าจะใช้เงินเท่าไหร่ และเตือนตัวเองระหว่างช้อป นี่ช่วยลดผลของ “ความรู้สึกว่าของหายาก” และทำให้สมองจำได้ว่ายังมีข้อจำกัดอื่นที่สำคัญกว่า

3. หยุดสักนิดก่อนกดซื้อ
ถ้าเริ่มรู้สึกว่าถูกเร่งหรือกลัวพลาด ให้หยุด 1 นาที หายใจลึก ๆ การหยุดสั้น ๆ จะช่วยให้สมองไล่ให้ทันอารมณ์ตื่นเต้น

4. ถามตัวเองว่า “ถ้าขายราคาเต็ม ฉันจะซื้อมันไหม?”
วิธีนี้ช่วยให้สมองกลับมาโฟกัสที่ “คุณค่าจริง” ของสินค้า ไม่ใช่เพียงเพราะมันลดราคา

จริง ๆ แล้วการได้ดีลดี ๆ ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร
แต่อย่าลืมว่าในช่วงที่ความตื่นเต้นกำลังล้อมรอบคุณ สิ่งสำคัญคือการรู้ว่า “อะไร” กำลังเกิดขึ้นในสมองของคุณ และ “ใคร” ที่ได้ประโยชน์จริง ๆ จากดีลเหล่านั้น

ที่มา: The Conversation
Tijl Grootswagers และ Daniel Feuerriegel ได้รับทุนสนับสนุนจาก Australian Research Council.



ติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่ เว็บไซต์ หรือ Facebook และ Instagram


Share
Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand