The Big Brief: 'มันจะยังไม่สมบูรณ์แบบ': อัลบานีซีชมกม.แบนโซเชียลมีเดีย แม้จะเผชิญกับ 'ปัญหาในช่วงเริ่มต้น'

Copy of ALC THAI THE BIG BRIEF - BSP HEADER (3).jpg

นายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบานีซี สนับสนุนให้เด็กๆ ใช้เวลาเล่นกีฬาและเรียนดนตรีมากขึ้น แทนที่จะใช้เวลาอยู่บนโลกออนไลน์ Source: AAP / Mick Tsikas

ความท้าทายในการบังคับใช้เกิดขึ้น ในขณะที่หัวหน้า eSafety เปรียบเทียบกับมาตรการปฏิรูปอาวุธปืนพร้อมทั้งคาดการณ์ว่าจะมีมาตรการอื่นตามมา



นายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบานีซี ยอมรับว่าการกฎหมายห้ามใช้โซเชียลมีเดีย “จะยังไม่สมบูรณ์แบบ” แต่ยืนยันว่าจะมันเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คน เนื่องจากดูเหมือนว่าการบังคับใช้จะเผชิญ “ปัญหาในช่วงเริ่มต้น” โดยเฉพาะในวันแรกของการบังคับใช้

กฎหมายใหม่มีผลบังคับใช้เมื่อวันพุธที่10 ธันวาคม โดยกำหนดห้ามวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 16 ปี สร้างบัญชีบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง Instagram, Snapchat, TikTok และอีกเจ็ดแพลตฟอร์ม ซึ่งคาดว่าอาจมีการเพิ่มแพลตฟอร์มอื่นๆ ในภายหลัง

อย่างไรก็ดี มีรายงานว่าเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี สามารถสร้างบัญชีบนบางแพลตฟอร์มได้ โดยแพลตฟอร์มทั้งหมดที่ถูกบังคับใช้จะต้องดำเนินการอย่างเหมาะสมเพื่อบล็อกไม่ให้เด็กเข้าถึงบริการของตน มิฉะนั้นจะถูกปรับสูงสุดถึง 49.5 ล้านดอลลาร์ต่อการละเมิดหนึ่งครั้ง

อัลบานีซีกล่าวกับผู้สื่อข่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันพุธว่า กฎหมายนี้ถือเป็น “ผู้นำของโลก” นี้ เพื่อ“แสดงให้เห็นว่าออสเตรเลียไม่ทนอีกต่อไป”

“นี่จะสร้างความแตกต่างอย่างมหาศาล มันเป็นการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งที่ประเทศของเราเคยเผชิญ” อัลบานีซีกล่าว
เขากล่าวว่านี่คือ "การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่" และการห้ามนี้ "อาจจะไม่สมบูรณ์แบบ" แต่ "ถือว่าประสบความสำเร็จแล้วตรงที่มันเกิดขึ้นจริง"

"อย่าเพิ่งเข้าใจผิด การปฏิรูปครั้งนี้มันจะเปลี่ยนชีวิตผู้คน" เขากล่าว "สำหรับเด็กชาวออสเตรเลีย มันจะช่วยให้พวกเขามีวัยเด็กที่สมบูรณ์ สำหรับพ่อแม่ชาวออสเตรเลีย มันจะช่วยให้พวกเขามีความสบายใจมากขึ้น นอกจากนี้รวมถึงประชาคมโลกที่กำลังมองมาที่ออสเตรเลียและพูดว่า 'ถ้าออสเตรเลียทำได้ ทำไมเราจะทำไม่ได้ล่ะ?'"

ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการสื่อสาร อานิกา เวลส์ และกรรมาธิการด้านความปลอดภัยทางออนไลน์ จูลี อินแมน แกรนต์ ยอมรับว่าอาจมีปัญหาเกิดขึ้นในช่วงแรกของการบังคับใช้มาตรการห้ามใช้

“การที่พวกเขาอาจหลีกเลี่ยงได้ในวันนี้ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะหลีกเลี่ยงได้ในอีกหนึ่งสัปดาห์หรือหนึ่งเดือนข้างหน้า เพราะแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเหล่านี้ต้องกลับไปตรวจสอบบัญชีของผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปีเป็นประจำ” เวลส์กล่าวกับผู้สื่อข่าว

เธอกล่าวว่าบริษัทโซเชียลมีเดียมีข้อมูลหลายปีที่สามารถใช้ตรวจสอบอายุของบุคคลได้ รวมถึงการค้นหาครั้งก่อนๆ หรือหัวข้อสนทนาที่เด็กๆ อาจมี

“การที่คุณให้พี่ชายของคุณสแกนใบหน้าให้ในวันนี้ ซึ่งช่วยซื้อเวลาให้คุณมากขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าบัญชีเหล่านั้นจะไม่เห็นคุณคุยกับเด็กอายุ 14 ปีคนอื่นๆ” เธอกล่าว

เวลส์ระบุว่าบัญชี TikTok มากกว่า 200,000 บัญชีได้ถูกปิดการใช้งานไปแล้ว
อินแมน แกรนท์ กล่าวว่า บริษัทบางแห่งเข้ามาร่วมใต้กฎหมายนี้ "ด้วยความไม่เต็มใจ" แต่เธอก็เชื่อว่าพวกเขามี "ศักยภาพทางเทคนิค" ที่จะบังคับใช้ข้อห้ามนี้ได้

"มันอาจจะมีปัญหาในช่วงเริ่มต้น และเด็กๆ ก็ฉลาดหลักแหลม พวกเขาจะหาวิธีหลีกเลี่ยงมันได้" เธอกล่าวกับ ABC News เมื่อเช้าวันพุธ

"แต่แนวทางที่เราพิจารณาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามและการบังคับใช้ คือการตรวจสอบความล้มเหลวเชิงระบบ และฉันเชื่อมั่น 100 เปอร์เซ็นต์ว่าบริษัทเหล่านี้มีศักยภาพทางเทคนิคที่จะบรรลุเป้าหมายนี้ได้"

ต่อมา ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์เคียงข้างนายกรัฐมนตรี อินแมน แกรนท์ ได้เปรียบเทียบการห้ามใช้สื่อสังคมออนไลน์กับการปฏิรูปกฎหมายเกี่ยวกับอาวุธปืนและยาสูบ พร้อมทั้งทำนายว่าทั่วโลกจะปฏิบัติตาม

“โลกจะปฏิบัติตามเหมือนที่ประเทศต่างๆ เคยปฏิบัติตามแบบอย่างของเราในเรื่องบรรจุภัณฑ์ยาสูบแบบเรียบง่าย การปฏิรูปกฎหมายเกี่ยวกับอาวุธปืน ความปลอดภัยจากน้ำและแสงแดด” เธอกล่าว “คุณจะไม่ปฏิบัติตามประเทศที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของวัยรุ่นมากกว่าผลกำไรจากเทคโนโลยีได้อย่างไร”

ผู้เชี่ยวชาญบางคนมีความเห็นแตกแยกเกี่ยวกับการห้ามใช้สื่อสังคมออนไลน์ โดยกล่าวว่าจะมีทั้งผลดีและผลเสีย ในขณะที่บางคนแย้งว่าสื่อสังคมออนไลน์เป็นเครื่องมือสำคัญที่เยาวชนควรเข้าถึง

อัลบานีซียอมรับว่าจะเป็น “ช่วงเวลาที่ยากลำบาก” สำหรับวัยรุ่นที่ได้รับผลกระทบ

ในวิดีโอที่โพสต์ลงโซเชียลมีเดีย อัลบานีซีได้กระตุ้นให้วัยรุ่นใช้ช่วงเวลานี้เป็นโอกาสในการ "ใช้เวลาอย่างมีคุณภาพ" กับครอบครัวและเพื่อนฝูงแบบพบหน้ากัน
คาดว่าบริษัทเทคโนโลยีจะใช้วิธีการต่างๆ ในการตรวจสอบอายุของผู้ใช้ รวมถึงการสแกนใบหน้าด้วยปัญญาประดิษฐ์ การวิเคราะห์รูปแบบการโพสต์และภาษาของผู้คนอย่างละเอียด และบัตรประจำตัวดิจิทัล

บางแพลตฟอร์ม เช่น YouTube จะยังคงเข้าถึงได้โดยไม่ต้องมีบัญชี แต่จะยากขึ้นสำหรับอัลกอริทึมในการกำหนดเป้าหมายเนื้อหาไปยังเด็ก

รัฐบาลกล่าวว่าภาระหน้าที่ในการบังคับใช้ข้อห้ามนี้อยู่ที่บริษัทโซเชียลมีเดีย ไม่ใช่ผู้ปกครอง

นอกจากนี้ยังกำลังพิจารณาว่าจะควบคุมแชทบอทปัญญาประดิษฐ์อย่างไร และจะนำ "หน้าที่ในการดูแลทางดิจิทัล" มาใช้ในปีหน้า


ติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่ เว็บไซต์ หรือ Facebook และ Instagram

Share

Recommended for you

Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand