คดีล่วงละเมิดทางเพศเด็กในรัฐวิกตอเรีย จุดชนวนการทบทวนมาตรการในศูนย์เด็กเล็กทั่วประเทศ

The Early Learning Centre in Point Cook at the centre of a child sexual abuse investigation (AAP)

ศูนย์ดูแลเด็กเล็กในพอยต์คุก (Point Cook) ในเมืองเมลเบิร์นที่เป็นสถานที่หลักในการสอบสวนคดีเจ้าหน้าที่ละเมิดทางเพศเด็ก (AAP) Source: AAP / WILLIAM TON

รัฐบาลกลางออสเตรเลียเตรียมเสนอให้มีอำนาจตัดเงินสนับสนุนจากศูนย์รับเลี้ยงเด็ก หากไม่สามารถปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัย หลังเกิดเหตุการณ์ที่ตำรวจรัฐวิกตอเรียจับกุมเจ้าหน้าที่ศูนย์เด็กด้วยข้อกล่าวหากว่า 70 ข้อหาที่เกี่ยวข้องกับการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก โดยทางรัฐวิกตอเรียยังประกาศชุดปฏิรูปของตัวเอง รวมถึงการเร่งออกกฎห้ามใช้โทรศัพท์มือถือในศูนย์เด็กซึ่งเป็นแผนเดิมของรัฐบาลกลาง


เหตุจับกุมเจ้าหน้าที่ศูนย์เด็กอายุ 26 ปี ด้วยข้อหาล่วงละเมิดทางเพศเด็กกว่า 70 ข้อหา ซึ่งเกี่ยวข้องกับผู้เยาว์จำนวน 8 คนในศูนย์ดูแลเด็กแห่งหนึ่งที่ Point Cook ทางตะวันตกของเมลเบิร์น นับเป็นข่าวที่สร้างแรงสั่นสะเทือนและสร้างความวิตกกังวลต่อชุมชนและเหล่าผู้ปกครองในรัฐ

เจเน็ต สตีเวนสัน (Janet Stevenson) ผู้บัญชาการรักษาการหน่วยสืบสวนอาชญากรรม กล่าวไว้ว่า

“จากการสอบสวนพบว่าเขาเคยทำงานในศูนย์เด็ก 20 แห่งทั่วเมลเบิร์น ตั้งแต่เดือนมกราคม 2017 ถึงพฤษภาคม 2025 เราไม่ได้กล่าวหาว่าเขากระทำผิดกับเด็กในทุกศูนย์ แต่เราขอให้ทุกคนที่มีข้อมูลใด ๆ ติดต่อมายังหน่วยงาน Crime Stoppers”

หลังข้อกล่าวหาเริ่มเผยแพร่ รัฐบาลกลางและรัฐได้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน

มีครอบครัวและผู้ดูแลเด็กประมาณ 2,600 รายที่เคยมีบุตรอยู่ในศูนย์เหล่านี้ช่วงที่ชายคนดังกล่าวทำงานอยู่ ได้รับจดหมายจากทางการ พร้อมคำแนะนำที่สำคัญ

รัฐบาลรัฐวิกตอเรียได้สั่งการให้มีการตรวจสอบมาตรการความปลอดภัยอย่างเร่งด่วน ซึ่งรวมถึงการพิจารณาติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) เป็นมาตรฐานในศูนย์เด็ก
นอกจากนี้ยังมีมาตรการอื่น ๆ ที่ประกาศควบคู่กัน เช่น การเร่งออกกฎหมายห้ามใช้โทรศัพท์มือถือในศูนย์เด็ก ซึ่งเดิมเป็นแผนของรัฐบาลกลาง โดยทางจาซินตา ไพรซ์ มุขมนตรีรัฐวิกตอเรียกล่าวว่า

“ในรัฐวิกตอเรีย เราไม่อาจรอได้ ครอบครัวก็ไม่สามารถรอได้เช่นกัน เรามีเรื่องที่ต้องทำอีกมาก และแม้จะมีแผนสร้างทะเบียนกลางของเจ้าหน้าที่ศูนย์เด็กระดับชาติ แต่เราก็จะเริ่มสร้างทะเบียนในวิกตอเรียเองด้วย เพื่อให้ครอบครัวสามารถตรวจสอบได้ดียิ่งขึ้น โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้” เธอกล่าว

อย่างไรก็ตาม ทางด้านรัฐบาลก็แสดงความไม่พอใจต่อความล่าช้า“การปฏิรูประดับชาติยังดำเนินอยู่ แต่ก็ช้าจนน่าหงุดหงิด เราพูดเรื่องนี้มาตลอดทั้งสัปดาห์และหลายเดือนที่ผ่านมา และฉันก็ได้พูดถึงเรื่องนี้เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว เราต้องการผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมโดยเร็ว” ลิซซี แบลนด์ธอร์น (Lizzie Blandthorn) รัฐมนตรีด้านเด็กของรัฐวิกตอเรียกล่าว

ส่วนทางด้านเจสัน แคลร์ (Jason Clare) รัฐมนตรีศึกษาธิการของรัฐบาลกลางก็ออกมายอมรับเช่นกัน

“มันใช้เวลานานเกินไปในการปรับปรุงระบบตรวจสอบประวัติผู้ทำงานกับเด็กให้มีประสิทธิภาพ ผมได้พูดคุยหลายครั้งกับอัยการสูงสุดคนใหม่ Michelle Rowland และผมคิดว่าผมพูดแทนเธอได้ว่า เธอเห็นด้วย” เธอกล่าว

รัฐมนตรีแคลร์ ยืนยันว่ารัฐบาลจริงจังกับการปฏิรูป เช่น การเสนอกฎหมายให้ ตัดเงินสนับสนุนจากศูนย์เด็กที่ไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย

“นี่เป็นเรื่องร้ายแรง และต้องการการดำเนินการอย่างจริงจัง ผมได้รับแจ้งจากรัฐบาลวิกตอเรียเมื่อราวสัปดาห์ก่อน และเป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมบรรจุเรื่องนี้ไว้ในวาระสำคัญสุดของการประชุมรัฐมนตรีศึกษาธิการเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว”

มิเชลล์ โรวแลนด์ (Michelle Rowland) อัยการสูงสุด กล่าวเพิ่มเติมว่า จะมีการทบทวนกระบวนการตรวจสอบประวัติผู้ทำงานกับเด็กด้วย หลังจากตำรวจวิกตอเรียยืนยันว่าผู้ต้องหาที่ศูนย์ Point Cook มีใบรับรองตรวจสอบประวัติที่ยังใช้ได้อยู่
“แม้แต่สัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงก่อนการประชุมรัฐมนตรีศึกษาธิการ ฉันก็ได้พูดคุยกับรัฐมนตรี Jason Clare แล้วว่า เราจำเป็นต้องปรับระบบนี้ให้สอดคล้องกันทั่วประเทศ เป็นสิ่งที่หลายฝ่ายเรียกร้องมานาน และเรามุ่งมั่นว่าจะทำให้สำเร็จเพื่อความปลอดภัยของเด็ก ๆ”

สำหรับรัฐมนตรีบางท่าน เรื่องนี้กระทบในระดับส่วนตัว แคลร์ โอนีล (Clare O’Neil) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่อยู่อาศัย ซึ่งลูกของเธอเรียนอยู่ในศูนย์เด็กในเมลเบิร์นกล่าวว่า “เมื่อวานนี้ฉันตกใจมาก ขณะตรวจสอบรายชื่อศูนย์ว่า ลูกของฉันมีชื่ออยู่ในศูนย์ที่ได้รับผลกระทบหรือเปล่า และฉันรู้ว่าพ่อแม่อีกนับพันในรัฐวิกตอเรียกำลังเผชิญบทสนทนาที่เราไม่อยากให้ใครต้องมีกับลูกของตัวเอง มองในแง่ความเป็นมนุษย์ นี่มันแย่มากจริง ๆ” เธอกล่าว

ทางด้านจาซินตา อัลแลน (Jacinta Allan) ย้ำว่า มาตรการปฏิรูปนี้มีเป้าหมายเพื่อนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงและสร้างความมั่นใจให้กับครอบครัว

“ครอบครัวต้องเชื่อมั่นได้ว่า ลูกของพวกเขาปลอดภัย เมื่อฝากไว้ในศูนย์เด็กที่ควรเป็นพื้นที่ปลอดภัย”

หากคุณหรือคนที่คุณรู้จักต้องการความช่วยเหลือ ติดต่อบริการดังต่อไปนี้:
  • Lifeline: โทร 13 11 14
  • Suicide Call Back Service: โทร 1300 659 467
  • Kids Helpline: โทร 1800 55 1800 (สำหรับผู้มีอายุ 5–25 ปี)
  • Bravehearts: โทร 1800 272 831 (สำหรับผู้ได้รับผลกระทบจากการล่วงละเมิดทางเพศ)
  • Blue Knot Foundation: โทร 1300 657 380
  • หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ beyondblue.org.au และ lifeline.org.au
ติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่ เว็บไซต์ หรือ Facebook และ Instagram

Share

Recommended for you

Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand