ผู้ย้ายถิ่นคือปัญหาหรือคำตอบของออสเตรเลีย?

ANTI IMMIGRATION PROTEST

ตำรวจกำลังแยกกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านการย้ายถิ่นออกจากกลุ่มผู้สนับสนุนการย้ายถิ่น ระหว่างการชุมนุมต่อต้านผู้ประท้วงต่อต้านการย้ายถิ่น ในเมืองบริสเบน วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม 2025 (ภาพ: AAP/Darren England) Source: AAP / DARREN ENGLAND/AAPIMAGE

ปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีการชุมนุม “March for Australia” ในหลายเมืองทั่วออสเตรเลีย ผู้ประท้วงเรียกร้องให้ยุติ “การอพยพครั้งใหญ่” โดยโทษผู้อพยพว่าเป็นต้นเหตุของปัญหาค่าครองชีพและวิกฤตที่อยู่อาศัย ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญโต้แย้งว่ามุมมองนี้คลาดเคลื่อน เพราะแรงงานผู้อพยพคือกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอนาคตของประเทศ


เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีผู้ชุมนุมหลายพันคนออกมาประท้วงต่อต้านการย้ายถิ่นในหลายเมืองทั่วออสเตรเลีย โดยมีจุดประสงค์หลักของการชุมนุมคือมีข้อเรียกร้องให้ยุติสิ่งที่ผู้จัดเรียกว่า “การอพยพย้ายถิ่นครั้งใหญ่” ในออสเตรเลีย

ศาสตราจารย์เจน แมคอดัม จากศูนย์กฎหมายผู้ลี้ภัยนานาชาติ คัลดอร์ ระบุว่า ถ้อยคำและแนวคิดที่ถูกนำเสนอในการชุมนุมสะท้อน “ความเข้าใจผิด” สำคัญ นั่นคือการโทษผู้อพยพว่าเป็นสาเหตุของปัญหาที่ชาวออสเตรเลียกำลังเผชิญ

ทั้งบนป้ายประท้วง คำขวัญที่ตะโกน และสุนทรพจน์บนเวที ล้วนโยงว่าจำนวนผู้ย้ายถิ่นที่มากขึ้น เป็นสาเหตุของปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้น วิกฤตที่อยู่อาศัย และความไม่มั่นคงด้านการจ้างงาน รวมถึงประเด็นอื่น ๆ

“น่าเสียดายที่ยังมีความเข้าใจผิดและข้อมูลบิดเบือนเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างการย้ายถิ่น วิกฤตที่อยู่อาศัย ค่าครองชีพ และโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งถูกกลุ่มการเมืองบางส่วน โดยเฉพาะฝ่ายขวาจัด นำไปขยายความว่าผู้ย้ายถิ่นเข้ามาแย่งบ้าน แย่งงาน คนท้องถิ่น”
ด้านแอนนา บูเชอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการย้ายถิ่นระดับโลก และรองศาสตราจารย์ด้านนโยบายสาธารณะ มหาวิทยาลัยซิดนีย์ ระบุว่า แม้จะเห็นว่าปัญหาค่าครองชีพและวิกฤตที่อยู่อาศัยส่งผลกระทบต่อชาวออสเตรเลียจำนวนมาก

แต่การเสนอให้แก้ไขด้วยการจำกัดการย้ายถิ่นถือเป็นการชี้นำที่ผิด และยังมองข้ามบทบาทสำคัญของผู้อพยพย้ายถิ่นต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมออสเตรเลีย

“ประชากรออสเตรเลียกว่าครึ่งมีภูมิหลังเป็นผู้อพยพหรือมีพ่อแม่อย่างน้อยหนึ่งคนที่เป็นผู้อพยพ ดังนั้นเมื่อพูดถึงการย้ายถิ่น เรากำลังพูดถึงคนส่วนใหญ่ของประเทศ ออสเตรเลียไม่อาจดำรงอยู่ได้หากปราศจากการย้ายถิ่น นักศึกษาต่างชาติถือเป็นส่วนสำคัญของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ผู้อพยพย้ายถิ่นยังเติมเต็มแรงงานในสาขาที่ขาดแคลน และการย้ายถิ่นคือหัวใจของอัตลักษณ์แบบพหุวัฒนธรรมของออสเตรเลีย”

ข้อมูลล่าสุดของสำนักงานสถิติออสเตรเลีย (ABS) ระบุว่า เกือบหนึ่งในสามของแรงงานออสเตรเลียเป็นผู้อพยพ ย้ายถิ่น โดยปี 2019–20 ผู้อพยพย้ายถิ่น ถือครองงานถึง 26.3% ของตลาดแรงงานทั้งหมด

นอกจากนี้ ประชากรผู้อพยพ ย้ายถิ่น ของออสเตรเลียยังถือว่ามีทักษะสูงที่สุดกลุ่มหนึ่งในบรรดาประเทศ OECD โดยเกือบ 6 ใน 10 คนจบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยหรือสูงกว่า เทียบกับชาวออสเตรเลียที่เกิดในประเทศซึ่งอยู่ที่ราว 4 ใน 10 คน (OECD, IMF 2024)

แมตต์ กรุดนอฟ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากสถาบันออสเตรเลีย กล่าวเสริมว่า ออสเตรเลียพึ่งพาผู้อพยพย้ายถิ่นที่มีทักษะเพื่อเติมเต็มตำแหน่งสำคัญในตลาดแรงงานที่แรงงานภายในประเทศไม่สามารถรองรับได้

“ผู้อพยพย้ายถิ่น มักมีอายุน้อยกว่าอายุเฉลี่ยของคนออสเตรเลีย และส่วนใหญ่มีทักษะสูง จึงช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับเศรษฐกิจ ระบบการย้ายถิ่นของออสเตรเลียเองก็เน้นการคัดเลือกแรงงานฝีมือในสาขาที่ขาดแคลน ทำให้ประเทศยังสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการที่อาจผลิตได้ยากในประเทศ หรือไม่เช่นนั้นก็จะมีราคาแพงกว่ามาก”
ข้อมูลจาก สถาบัน กราทแทน ระบุว่า แรงงานผู้อพยพย้ายถิ่นมีสัดส่วนสูงในหลายอุตสาหกรรมหลักของออสเตรเลีย เช่น การบริการ การดูแลสุขภาพ งานบริการวิชาชีพ การผลิต และการบริการด้านธุรการ

ข้อมูลการจ้างงานจาก ABS ปี 2021–2022 ระบุว่า 15% ของแรงงานผู้อพยพในออสเตรเลียทำงานในภาคสุขภาพและการช่วยเหลือทางสังคม ขณะที่ข้อมูลสำมะโนประชากรปี 2021 แสดงให้เห็นว่า กว่า 40% ของพยาบาลวิชาชีพ และผู้ดูแลผู้สูงอายุหรือผู้พิการ เกิดในต่างประเทศ

 ศาสตราจารย์แอนนา บูเชอร์ ระบุว่า ด้วยโครงสร้างประชากรออสเตรเลียที่กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ประเทศจำเป็นต้องพึ่งพาแรงงานด้านสุขภาพจากผู้อพยพย้ายถิ่นมากขึ้นในอนาคต และด้วยข้อจำกัดของระบบวีซ่าที่ปัจจุบันยังไม่มีช่องทางสำหรับแรงงานทักษะต่ำ จึงอาจจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนนโยบายเพื่อเปิดโอกาสให้ทั้งแรงงานทักษะสูงและทักษะต่ำเข้ามาช่วยเติมเต็มในอุตสาหกรรมนี้

“เป็นที่ชัดเจนว่าออสเตรเลียไม่สามารถตอบสนองความต้องการของสังคมผู้สูงอายุได้เพียงด้วยแรงงานภายในประเทศ จำเป็นต้องพิจารณาอย่างจริงจังว่าจะนำเข้าแรงงานผู้ย้ายถิ่นอย่างไร ไม่ว่าจะผ่านข้อตกลงแรงงานรูปแบบต่าง ๆ หรือการปรับโครงสร้างวีซ่าเพื่อให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้”

แมตต์ กรุดนอฟ ระบุว่า ประเด็นหลักที่ถูกหยิบยกขึ้นมาในการชุมนุมต่อต้านการย้ายถิ่นช่วงสุดสัปดาห์ คือความกังวลว่าตัวเลขการอพยพจำนวนมากเป็นสาเหตุของวิกฤตที่อยู่อาศัยในออสเตรเลีย แต่เขาชี้ว่าความกังวลนี้มีปัญหาสำคัญอยู่หลายประการ

ประการแรก ออสเตรเลียไม่ได้กำลังเผชิญการพุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์ของจำนวนผู้อพยพย้ายถิ่นตามที่ผู้ประท้วงอ้าง แม้จำนวนผู้ย้ายถิ่นลดลงอย่างมากช่วงการระบาดโควิด-19 และเพิ่มขึ้น

หลังการเปิดพรมแดน แต่ตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นมา อย่างไรก็ตามการเติบโตของประชากรได้กลับมาอยู่ในระดับใกล้เคียงก่อนเกิดโควิดแล้ว

เขายังกล่าวด้วยว่า แนวคิดที่ว่าประชากรเติบโตเร็วเกินกว่าที่อยู่อาศัยจะรองรับได้นั้น แต่จากข้อมูลที่มีอยู่ก็ไม่ได้สนับสนุนข้อกล่าวอ้างนี้เช่นกัน

“ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ประชากรออสเตรเลียเพิ่มขึ้น 16% ซึ่งหมายความว่าจำเป็นต้องมีที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นในสัดส่วนเดียวกัน แต่ความจริงแล้วจำนวนบ้านกลับเพิ่มขึ้นมากกว่านั้น คือเพิ่มขึ้น 19% เท่ากับว่าการก่อสร้างที่อยู่อาศัยเติบโตเร็วกว่าการเพิ่มขึ้นของประชากรเสียอีก”
เขากล่าวเสริมว่าวิกฤตที่อยู่อาศัยราคาเอื้อมถึงยากที่ชาวออสเตรเลียเผชิญอยู่ ส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากกฎหมายภาษีที่เอื้อประโยชน์ให้แก่นักลงทุนอสังหาริมทรัพย์

“ตลอดช่วงที่ผ่านมา ความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะความต้องการจากนักลงทุน สาเหตุสำคัญมาจากการลดหย่อนภาษีกำไรจากการขายทรัพย์สิน (Capital Gains Tax Discount) ที่รัฐบาลฮาวเวิร์ดนำมาใช้ ซึ่งทำให้การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์กลายเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าทางภาษี ส่งผลให้มีผู้คนจำนวนมากหันไปซื้อบ้านเพื่อการลงทุน แข่งขันประมูลกับผู้ซื้อบ้านหลังแรก ดันราคาบ้านให้สูงขึ้น และปิดกั้นโอกาสของผู้ที่ต้องการเข้าตลาดอสังหาริมทรัพย์จริง ๆ"

กรุดนอฟกล่าวเพิ่มเติมว่า การที่รัฐบาลจัดหาที่อยู่อาศัย ที่ราคาพอจ่ายได้ มีไม่เพียงพอ ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ซ้ำเติมวิกฤตที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน

“หนึ่งในปัญหาของตลาดที่อยู่อาศัยออสเตรเลียคือรัฐบาลได้ถอนตัวออกจากภาคส่วนนี้ เดิมทีในช่วงทศวรรษ 1960–1980 รัฐบาลมีบทบาทสำคัญในการจัดหาที่อยู่อาศัยสาธารณะ แต่ปัจจุบันแทบไม่ได้สร้างเพิ่มมากนัก ทำให้มีบ้านประเภทนี้เหลืออยู่น้อยลง และยิ่งซ้ำเติมปัญหาที่อยู่อาศัยราคาไม่เอื้อมถึง”

ศาสตราจารย์บูเชอร์ ระบุว่า เช่นเดียวกับความกังวลเรื่องค่าครองชีพ ปัญหาวิกฤตที่อยู่อาศัยก็ถูกโยนความผิดไปผิดที่เช่นกัน

“แน่นอนว่าเราเผชิญปัญหาที่อยู่อาศัยจริง แต่ปัญหานี้ ต้องได้รับการแก้ไขแยกต่างหาก แนวทางอาจเป็นการเพิ่มความหนาแน่นของที่อยู่อาศัย เร่งอัตราการก่อสร้าง หรือปรับวิธีการวางผังเมืองใหม่ อย่างในซิดนีย์ ซึ่งเป็นเมืองที่มีความหนาแน่นต่ำเมื่อเทียบกับขนาดประชากรและเมืองอื่น ๆ ในต่างประเทศ ปัญหานี้สะท้อนถึงการวางแผนที่ไม่ดี มากกว่าจะเป็นความผิดของผู้อพยพย้ายถิ่น”

ศาสตราจารย์แมคอดัมกล่าวว่า แม้ความกังวลเรื่องที่อยู่อาศัย ค่าครองชีพ แต่โครงสร้างพื้นฐานก็เป็นประเด็นหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม และควรเห็นว่าการย้ายถิ่นเป็นส่วนหนึ่งของทางออก ไม่ใช่สาเหตุของปัญหา

“เราจำเป็นต้องมองหลักฐานอย่างรอบด้านว่า อะไรคือปัจจัยที่แท้จริงที่กดดันสังคม และรัฐบาลในทุกระดับควรมีบทบาทอย่างไรในการแก้ปัญหา เช่น วิกฤตที่อยู่อาศัย โดยไม่สร้างภาพลบหรือโยนความผิดให้ผู้อพยพย้ายถิ่นอย่างไม่ถูกต้อง

"ออสเตรเลียคือประเทศที่เต็มไปด้วยผู้ย้ายถิ่น และนี่คือสิ่งที่หล่อหลอมให้เป็นเรา ความเป็นพหุวัฒนธรรมคือสิ่งที่ทำให้ออสเตรเลียเติบโต หลากหลาย และประสบความสำเร็จเช่นทุกวันนี้”

ติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่ เว็บไซต์ หรือ Facebook และ Instagram

Share
Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand